วันนี้ (18 พฤศจิกายน) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บ.ช.ก.) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมกับคณะทำงานชุดทำคดีดิไอคอนกรุ๊ป ในส่วนการพิสูจน์ทราบคลิปเสียงเรียกรับผลประโยชน์
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมมีการหารือประมาณ 5-6 ประเด็น เรื่องแรกคือกรณีของ กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวต้านโกง ซึ่งมี 4 เรื่องย่อยประกอบด้วย เรื่องแรกคือการเรียกรับเงินหลักแสนบาท ส่วนนี้ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายจับไปแล้ว ส่วนต่อมาคือกรณีที่พิธีกรรายการโทรทัศน์เข้าแจ้งความหมิ่นประมาท จากการที่กฤษอนงค์มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์แลกกับการออกรายการ
เรื่องที่ 3 คือ จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาแจ้งความหมิ่นประมาท และเรื่องที่ 4 ในส่วนของ บอสปัน-ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป ที่กฤษอนงค์ร่วมกับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มีการเรียกรับเงินจำนวน 20 ล้านบาท โดยส่วนนี้ตัวแทนผู้เสียหายประสานตำรวจว่า จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ในวันพรุ่งนี้ (19 พฤศจิกายน)
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เป็นเรื่องของ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด จากกรณีที่นำบุคคลมาให้ข้อมูลกับตำรวจซึ่งภายหลังพิสูจน์แล้วว่าข้อมูลเป็นเท็จ ขณะนี้ความคืบหน้าคดีอยู่ที่ประมาณ 90% หากไม่ติดปัญหาจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้
ด้านกรณี สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่การสืบสวนคดีหลักอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ล่าสุดตำรวจพบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับสามารถ ซึ่งเป็นการรับโอนเงินจากมารดาประมาณ 10 ล้านบาท
สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่แจ้งความดำเนินคดีกับสามารถได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบว่าต้นทางของเงินจำนวนนี้มาจากที่ใด ทราบเพียงว่าเงินจำนวนนี้เกิดขึ้นช่วงปี 2564-2567 ซึ่งหากช่วงเวลาดังกล่าว พบว่าสามารถเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตำรวจก็จะยื่นดำเนินคดีกับศาลอาญาคดีทุจริตฯ ด้วย ไม่ใช่เฉพาะ DSI ที่ดูมูลฐานของคดีนี้อยู่
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวย้ำว่า กรณีของฟิล์มและกฤษอนงค์จะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน ส่วนจะต้องเรียกตัวฟิล์มหรือผู้กล่าวหามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและจะต้องพิจารณาว่าเรื่องรุนแรงหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องขอเวลา 10 วันในการดำเนินการ เพราะต้องการพิสูจน์หาข้อเท็จจริงเพื่อนำมาประกอบในคดี