หอการค้าไทยเผย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนตุลาคมอยู่ที่ 56.0 ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หลังประชาชนคลายความกังวลจากสถานการณ์น้ำท่วมและรัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาท
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2567 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 55.3 เป็น 56.0 เป็นการปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม และเริ่มเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วยผ่อนคลายเศรษฐกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 49.6, 53.5 และ 65.1 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 48.8, 52.7 และ 64.4 ตามลำดับ
การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) สะท้อนว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีจะปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน แต่การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพสูง ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน, อิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซา ที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ, ภาคการท่องเที่ยว, ภาคการส่งออก, ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
ธนวรรธน์กล่าวอีกว่า สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 2567 ช่วงแรกมองว่าจะโตได้ 3.2% แต่ล่าสุดมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองในกรอบ 2.6-2.7% ซึ่งสอดคล้องกับหลายสำนักวิจัย เช่น กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีมุมมองใกล้เคียงกัน
ขณะที่คาดกันว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 จะขยายตัวขึ้น แต่เจอสถานการณ์น้ำท่วม ดังนั้นความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ลดลงน่าจะมาจากผลพวงของน้ำท่วม แต่ยังมีปัจจัยบวกที่ผู้ประกอบการทุกภูมิภาคเห็นพ้องกันคือการแจกเงิน 10,000 บาทสำหรับกลุ่มเปราะบางที่เข้ามาสนับสนุน