“ถ้าองค์ความรู้เรื่องอาหารปลอดภัยในไทยไม่เปลี่ยน ตลาดออร์แกนิกก็ไม่โต จะเปลี่ยนเรื่องเกษตรในไทยไม่ได้”
สานสิน ศรีภิรมย์รักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไดสตาร์ เฟรช จำกัด, ผศ. ดร.วิษุวัต สงนวล อาจารย์ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด และ ปีตาชัย เดชไกรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แจสเบอร์รี่ จำกัด ร่วมสนทนาในหัวข้อ Farming the Future: Tech-Driven Agriculture ปฏิวัติอุตสาหกรรมเกษตร ด้วยแนวคิดนวัตกรรมระดับโลก เวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2024: Young Leaders Dialogue โดยให้ภาพความท้าทายและทางออกของการเกษตรไทย ดังนี้
📌 โจทย์ความท้าทายของเกษตรกรไทยวันนี้
- ดินตาย น้ำตาย ลมตาย ปัจจุบันดินของไทยไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์เท่าในอดีตอีกต่อไป เนื่องจากการใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่อง น้ำมีสารปนเปื้อน ลมพัดสารเคมี ทำให้สุดท้ายแล้วการเปลี่ยนแปลงเป็นเกษตรอินทรีย์ซึ่งเป็นเป้าหมายในอนาคตนั้นเป็นไปได้ยาก
- คนหาย สัดส่วนของเกษตรไทยในปัจจุบันมีเพียง 30% และจำนวนนี้ไม่ใช่แรงงานที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่นอกจากจะยังทำการเกษตรแบบเดิม รุ่นที่มารับช่วงต่อก็ไม่อยากทำการเกษตรอีกต่อไป เพราะเรื่องรายได้ ความท้าทายที่มากเกินไป และยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่เพียงพอ
- ไม่ใช้เทคโนโลยีมาทดแทน เทียบให้เห็นภาพว่าภาคการเกษตรไทยช้าไปกว่า 50 ปีจากเทคโนโลยีที่ควรใช้ เทคโนโลยีนี่เองคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพกลับมาแข่งขันด้านการเกษตร และกลับมาเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกได้อีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งได้รับผลกระทบทั่วกันทั้งโลก ประเทศไทยอยู่ในภูมิภาคที่ทำการเกษตรได้ผล แต่ยังไม่มีองค์ความรู้มากพอว่าในพื้นที่การเพาะปลูกที่จำกัด ควรปลูกพืชอะไรที่จะได้ผลผลิตอย่างคุ้มค่ามากที่สุด
- พฤติกรรมและค่านิยมของผู้บริโภคยังไม่มีความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร คนไทยยังนิยมผลผลิตที่สมบูรณ์ ทั้งที่ความจริงอาจเต็มไปด้วยยาฆ่าแมลงและสารเคมี ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ หากคนไทยยังไม่ตระหนักเรื่องนี้ การเปลี่ยนแปลงภาคเกษตรอาจไม่มีวันเกิดขึ้น
- การแทรกแซงจากประเทศมหาอำนาจที่มีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่า
📌 ทางรอดเกษตรไทยสู่ความมั่นคงทางด้านอาหาร
- ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ ต้องเริ่มจากโจทย์ว่าจะเอาเทคโนโลยีมาให้เกษตรกรใช้ได้อย่างไร ไทยต้องเป็นผู้นำผลิตเทคโนโลยีในภูมิภาคนี้ เพราะเทคโนโลยีสำหรับพืชแต่ละชนิดอาจนำมาใช้ร่วมกันไม่ได้ รัฐต้องช่วยลดอุปสรรคในเรื่องนี้ ต้องให้เงินอุดหนุนเพื่อทำให้เทคโนโลยีการเกษตรของไทยเป็นสินค้าที่ซื้อขายจับต้องได้จริง
- เปลี่ยนเกษตรกรจาก One Stop Service เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การเป็น One Stop Service หมายถึงเกษตรกรต้องทำทุกกระบวนการด้วยตัวคนเดียว อาจทำให้กระบวนการผลิตไม่สามารถสอดรับไปกับการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาการเกษตรได้ ต้องสร้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ละอย่าง เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูก และผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์
- ต้องมีฐานข้อมูลที่เชื่อมทุกองค์ความรู้เข้าด้วยกัน เก็บข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการเกษตร เพื่อทำความเข้าใจพืชของไทยอย่างลึกซึ้ง และเชื่อมโยงองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมได้ ทั้งภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม และลักษณะเฉพาะของพืชแต่ละชนิด
- ต้องมีระบบจัดการน้ำที่ดี ไทยมีทั้งฤดูน้ำท่วมและน้ำแล้ง ซึ่งไม่สามารถปลูกพืชได้ ถ้าเรามีการจัดการน้ำที่ดีมากพอ เราจะสามารถทำการเกษตรได้ปีละ 2-3 ครั้ง จากเดิมที่เราอาจจะทำได้แค่ปีละครั้ง
#APThai #APThaiบริษัทอสังหาอันดับ1 #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้ #ที่ที่ดีที่สุดจากเอพี
#TheStandardEconomicForum2024 #YoungLeadersDialouge