ในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง มีแนวโน้มว่าสหรัฐฯ อาจถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและหันไปสนับสนุนพลังงานฟอสซิล เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางนโยบายด้านสภาพ ภูมิอากาศ ของประเทศอย่างมาก แต่ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากภาครัฐ เรายังมีปัจจัยอื่นที่ช่วยรักษาแนวทางสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ดังนี้
- นโยบายรัฐที่ย้อนกลับ กับแรงขับจากตลาด: แม้รัฐบาลจะสนับสนุนพลังงานฟอสซิล แต่ภาคเอกชน ข้อตกลงระหว่างประเทศ และความต้องการในเรื่องความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมยังคงมีอยู่ บริษัทสหรัฐฯ ที่มีธุรกิจในต่างประเทศก็ยังต้องทำรายงานด้านสภาพภูมิอากาศตามมาตรฐานสากล และหากบริษัทน้ำมันและก๊าซไม่ปรับตัวไปสู่การลดการปล่อยคาร์บอนก็จะเสียเปรียบในการแข่งขัน
- ความมุ่งมั่นของภาคเอกชน: บริษัทขนาดใหญ่และสถาบันการเงิน เช่น Amazon, Microsoft, และ Google ลงทุนอย่างมากในเครดิตคาร์บอนและกลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ เมื่อครั้งที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ภาคเอกชนและองค์กรในระดับท้องถิ่นตอบโต้ด้วยการแสดงเจตนารมณ์ว่าจะดำเนินการเพื่อสภาพภูมิอากาศต่อไป เช่น แคมเปญ ‘We’re Still In’ ซึ่งสะท้อนว่าความมุ่งมั่นด้านสภาพภูมิอากาศในภาคเอกชนไม่ใช่เรื่องที่สามารถละทิ้งได้ง่ายๆ
- แรงกดดันจากผู้บริโภค: ความกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศในหมู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ผลักดันให้บริษัทต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับนโยบายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและรักษาฐานลูกค้าไว้
- ความจำเป็นของพลังงานทดแทน: แม้การสนับสนุนพลังงานฟอสซิลจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซในระยะสั้น แต่ความต้องการพลังงานทดแทนยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ใน AI, ศูนย์ข้อมูล, รถยนต์ไฟฟ้า และบล็อกเชน การที่รัฐบาลกลางยกเลิกสิทธิประโยชน์ของพลังงานสะอาดอาจทำให้การเติบโตช้าลง ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียโอกาสในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสีเขียวให้กับประเทศอื่นๆ เช่น จีนและยุโรปที่มีการลงทุนอย่างมากในเทคโนโลยีนี้
- อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV): รัฐบาลทรัมป์อาจปกป้องตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ โดยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อสนับสนุนการแข่งขันในประเทศ อาทิ Tesla ซึ่งจะช่วยให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเข้มแข็งขึ้น
- นโยบายการค้าและภาษี: แนวทางของทรัมป์ที่เน้นสนับสนุนธุรกิจในประเทศอาจนำไปสู่การเก็บภาษีสินค้านำเข้า เพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับธุรกิจในประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ธุรกิจของสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปต่างประเทศยังคงต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์สากลในด้านสิ่งแวดล้อม จึงทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับตัวตามแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
มองไปข้างหน้า
แม้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายใต้การนำของทรัมป์ที่ทำให้ทิศทางด้านสภาพภูมิอากาศของสหรัฐฯ ล่าช้าลง แต่การดำเนินการระดับรัฐ แนวโน้มของตลาด และแรงกดดันจากต่างประเทศยังคงส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ หากสหรัฐฯ ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับโลก การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวย่อมมีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่เป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต