การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาจะตัดสินกันที่คะแนนของคณะผู้แทนเลือกตั้งหรือ Electoral College จาก 50 รัฐและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไม่ได้ตัดสินกันที่คะแนนดิบหรือ Popular Vote โดยที่ Electoral College นั้นมีอยู่ทั้งสิ้น 538 เสียง ซึ่งถ้าทรัมป์หรือแฮร์ริสเก็บเสียง Electoral College ได้ถึง 270 เสียง (หรือเกินครึ่งก่อน) ก็จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปในทันที
แต่ในทางทฤษฎีมีโอกาสที่ทั้งคู่จะได้จำนวน Electoral Collegeคนละครึ่งเท่ากันพอดีที่ 269 เสียง คำถามคือจะเกิดอะไรขึ้นต่อ แล้วใครจะตัดสินว่าผู้สมัครคนไหนเป็นฝ่ายชนะเลือกตั้ง
สภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้ตัดสินผู้ชนะ
ในกรณีดังกล่าวรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกากำหนดให้สภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้คัดเลือกผู้ชนะ โดยที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้แต่ละรัฐออกเสียงได้หนึ่งเสียงเท่ากันไม่ว่ารัฐนั้นจะมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกี่ที่นั่งก็ตาม โดยที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละรัฐโหวตกันว่ารัฐของตัวเองจะโหวตให้ใคร
ซึ่งในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครองที่นั่งข้างมากอยู่ 26 รัฐ และพรรคเดโมแครตครองที่นั่งข้างมากอยู่ 22 รัฐ และมี 2 รัฐที่ทั้ง 2 พรรคครองที่นั่งเท่ากัน และก็เป็นที่คาดการณ์กันว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดต่อไปก็น่าจะเป็นพรรครีพับลิกันเช่นเคยที่ครองที่นั่งข้างมากในจำนวนรัฐที่มากกว่าพรรคเดโมแครต ซึ่งก็แปลว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปในกรณีที่เขาและแฮร์ริสมีคะแนน Electoral Collegeเท่ากัน
ความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
การที่ผู้สมัคร 2 คนมีคะแนน Electoral Collegeเท่ากันนั้นไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์การเลือกตั้ง
สำหรับการเลือกตั้งในปีนี้โอกาสที่ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสจะมีคะแนนเท่ากันนั้นก็มีความเป็นไปได้น้อยถึงน้อยมาก ตัวอย่างของการที่จะเกิดกรณีที่ทั้งคู่จะมีคะแนนเท่ากันก็อย่างเช่นแฮร์ริสชนะที่ 3 รัฐสีม่วงทางเหนือ (วิสคอนซิน, มิชิแกน, และเพนซิลเวเนีย) และทรัมป์ชนะที่ 4 รัฐสีม่วงทางใต้ (เนวาดา, แอริโซนา, นอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย) และแฮร์ริสไปพลาดท่าแพ้พลิกล็อกที่เนแบรสกา เขต 2 แต่ความเป็นไปได้ก็คงจะน้อยเพราะตอนนี้แฮร์ริสมีคะแนนนำที่เนแบรสกา เขต 2 ถึง 10%
อีกตัวอย่างก็คือแฮร์ริสชนะที่รัฐสีม่วงทางใต้เกือบทั้งหมดยกเว้นแค่นอร์ทแคโรไลนา ในขณะที่ทรัมป์ชนะที่รัฐสีม่วงทางเหนือเกือบทั้งหมดยกเว้นวิสคอนซิน ซึ่งตัวอย่างนี้ก็เป็นไปได้น้อยเช่นกันเพราะทั้ง 3 รัฐสีม่วงทางเหนือมักจะโหวตไปในทางเดียวกัน ถ้าแฮร์ริสแพ้ที่มิชิแกนและเพนซิลเวเนีย เธอก็น่าจะแพ้ที่วิสคอนซินไปด้วย
วุฒิสภาเป็นผู้เลือกรองประธานาธิบดี
สำหรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีนั้น รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกากำหนดให้สภาสูงหรือวุฒิสภาจะเป็นผู้โหวตเลือก ซึ่งก็ทำให้เกิดความเป็นไปได้ในทางทฤษฎีว่า เราอาจจะเห็นทำเนียบขาวที่มีประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีมาจากคนละพรรคกัน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการเลือกตั้งในปี 2024 นั้นเป็นที่คาดการณ์กันว่าพรรครีพับลิกันน่าจะเป็นผู้ครองที่นั่งข้างมากในวุฒิสภาเช่นกัน ซึ่งนั่นก็แปลว่าคู่หูของทรัมป์อย่าง เจ.ดี. แวนซ์ น่าจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในกรณีที่คะแนน Electoral Collegeของทรัมป์และแฮร์ริสเท่ากัน
ภาพ: Evelyn Hockstein and Octavio Jones / Reuters