ก.ล.ต. Filing Effective กองทรัสต์ WHAIR เพิ่มทุนครั้งที่ 4 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมนับถอยหลังเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม (RO) และประชาชนทั่วไป (PO) ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดโอนทรัพย์สินได้แล้วเสร็จปลายไตรมาส 4/67
จิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมส่งผลเชิงบวกต่อการลงทุนในกองทรัสต์ WHAIR ประกอบกับช่วงนี้ถือเป็นจังหวะดีของการลงทุน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดและมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้การฟื้นตัวของภาพรวมกลุ่มอุตสาหกรรม Property Fund & REIT จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในกองทรัสต์
ขณะเดียวกัน WHAIR เป็นกองทรัสต์ที่มีผลตอบแทนดีอย่างสม่ำเสมอ โดยภายหลังการเพิ่มทุนในครั้งนี้มีอัตราเงินปันผลในปี 2568 ประมาณ 8.33%
ทั้งนี้ WHAIR จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 10 ยูนิต ใน 4 โครงการ พื้นที่รวมทั้งหมด 40,172 ตารางเมตร โดยมีมูลค่าลงทุนประมาณ 1,064.75 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง) และมีแหล่งเงินทุนมาจากการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 720.65 ล้านบาท ด้วยจำนวนหน่วยทรัสต์ที่กองทรัสต์จะออกและเสนอขายไม่เกิน 109.19 ล้านหน่วย และส่วนที่เหลือจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
และล่าสุด ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์และแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ WHAIR ถือเป็นกอง REIT กลุ่ม Industrial REIT ที่มีศักยภาพโดดเด่นบนทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินสูง เนื่องจากทรัพย์สินส่วนใหญ่ของ WHAIR ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่
ทรัพย์สินที่ WHAIR เข้าลงทุน 91% จะอยู่ในพื้นที่ EEC ซึ่งมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ภาครัฐให้การสนับสนุนด้านการลงทุนของภาครัฐบาลและเอกชน ซึ่งช่วยส่งเสริมความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าของ WHAIR ที่สำคัญอยู่ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบอุตสาหกรรมของ WHA Group ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่ WHAIR เข้าลงทุน พัฒนา และบริหารโดย WHA Group ซึ่งเป็นผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนในครั้งนี้มีสัญญาณเชิงบวกที่มาสนับสนุนอย่างชัดเจน ทั้งจากปัจจัยแนวโน้มและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง ส่งผลให้ดัชนีราคาของกลุ่ม Property Fund & REIT เริ่มทยอยปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น WHAIR จึงถือเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ที่น่าลงทุนจากปัจจัยข้างต้น
“ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHAIR ลงทุนเพิ่มเติมในครั้งที่ 5 เป็นโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าสำเร็จรูปที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ในพื้นที่ EEC ซึ่งปัจจุบันได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิต และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เป็นอานิสงส์เชิงบวกโดยตรงต่อทรัพย์สินประเภทโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของ WHAIR โดยจะเห็นได้จากทรัพย์สินหลักที่ลงทุนในปัจจุบันที่มีอัตราการเช่า ณ สิ้นไตรมาส 2/67 ที่ 93.5% และทรัพย์สินหลักที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 5 มีอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ 100% สะท้อนถึงทรัพย์สินที่ดี มีคุณภาพ และศักยภาพ ในการสร้างรายได้และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน”
ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ WHAIR ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 (XR วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567) สามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2567 กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิมต่อ 0.1149 หน่วยทรัสต์เพิ่มเติม โดยจองซื้อที่ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมสูงสุดที่ 6.60 บาท และกรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด ผู้จองซื้อจะได้รับเงินส่วนต่างคืนภายใน 7 วันทำการ (กรณีโอนเงิน) และ 10 วันทำการ (กรณีจ่ายเช็ค) นับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการจองซื้อ ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2567 โดยจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย และสามารถจองซื้อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
จารุชา สติมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHAIR จะเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นการลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพสูงของกลุ่ม WHA Group บนทำเลศักยภาพที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เป็นจุดเชื่อมต่อด้านการขนส่งสินค้าของประเทศในพื้นที่ EEC ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง และถนนสายหลัก ทำให้การขนส่งและการกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพทั้งในด้านของระยะเวลาในการเดินทางและต้นทุน
ปัจจุบันกองทรัสต์ WHAIR มีพื้นที่ทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการในปัจจุบัน 428,818 ตารางเมตร มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 13,121.56 ล้านบาท และทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการในปัจจุบันมีอัตราการเช่าสูงถึง 93.5% และจะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 10 ยูนิต ใน 4 โครงการ พื้นที่รวมทั้งหมด 40,172 ตารางเมตร
โดยสรุปข้อมูลแยกตามที่ตั้งของทรัพย์สินได้ดังต่อไปนี้
- สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานจำนวน 6 ยูนิต ประกอบด้วยโรงงานแบบ Detached Building จำนวน 3 ยูนิต และโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 3 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1
- สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Detached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36
- สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 1
- สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทคลังสินค้าจำนวน 2 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 3
ดังนั้นภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้จะส่งผลให้กองทรัสต์ WHAIR มีมูลค่าสินทรัพย์รวมสูงกว่า 14,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 468,990 ตารางเมตร โดยการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้จะเพิ่มรายได้ให้แก่กองทรัสต์ และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน
ด้วยความโดดเด่นของกองทรัสต์ WHAIR คือสัดส่วนทรัพย์สินภายหลังการลงทุนเพิ่มเติม 92% ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC ที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนผลักดันให้เป็นพื้นที่นำร่องในเฟสแรก เป็นต้นแบบสมาร์ทซิตี้ ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติให้ความสนใจเช่าทั้งโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากอสังหาในระยะยาว
“พื้นที่ที่ WHAIR เข้าลงทุนเป็นจุดยุทธศาสตร์ศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศไทย อีกทั้งนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ในอีสเทิร์นซีบอร์ดเป็นพื้นที่ลงทุนของกลุ่มคลัสเตอร์ยานยนต์และชิ้นส่วน และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของประเทศไทย เช่น BYD, CHANGAN, Mazda, Ford, Isuzu, Great Wall Motor, MG ซึ่งการเติบโตขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในทำเลนี้ ทำให้โรงงานและคลังสินค้าของ WHAIR ได้รับอานิสงส์จากความต้องการพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าจากธุรกิจที่เป็นซัพพลายเชนของค่ายรถยนต์ต่างๆ”