วานนี้ (23 สิงหาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบรับรองวัดคาทอลิกเป็นวัดคาทอลิกตามกฎหมายจำนวน 9 วัด ได้แก่ วัดศีลมหาสนิท (ตลิ่งชัน), วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ (ลาดพร้าว), วัดนักบุญโธมัสอัครสาวก (ซอยนาคสุวรรณ), วัดพระเมตตา (เชียงแสน), วัดพระแม่แห่งมวลชนนานาชาติ (เชียงของ), วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล (เชียงคำ), วัดนักบุญมอนิกา (น่าน), วัดนักบุญยอแซฟกรรมกร (แพร่) และวัดพระแม่มหาการุณย์ (แคมป์สน) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเป็นต้นไป
สำหรับการรับรองวัดคาทอลิกจะเกิดประโยชน์ดังนี้ คือ มีความมั่นคงด้านศาสนจักร เนื่องจากวัดคาทอลิกเป็นองค์ประกอบหลักและเป็นศูนย์รวมการประกอบศาสนกิจ และพิธีกรรมของศาสนิกชนในวาระสำคัญต่างๆ ตามหลักศาสนบัญญัติ ซึ่งการรับรองวัดคาทอลิกจะทำให้วัดสามารถคงอยู่และสร้างความเชื่อมั่นแก่คริสต์ศาสนิกชนได้ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนสถาน เช่น โครงการเงินอุดหนุนกิจกรรมบูรณะศาสนสถาน และยังมีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือการหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยวัดคาทอลิกได้รับการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีจากเงินที่บริจาคให้แก่วัด
ไตรศุลีกล่าวต่อไปว่า การรับรองวัดคาทอลิกครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 โดยการรับรองวัดคาทอลิกในประเทศไทยมีขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้มีการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยลักษณฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาธอลิกในกรุงสยาม ตามกฎหมาย ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งได้ให้การรับรองวัดคาทอลิกในเขตการปกครองของมิสซังกรุงเทพฯ ที่ตั้งขึ้นก่อน พ.ร.บ. ดังกล่าวใช้บังคับรวมจำนวน 43 วัด ต่อมาได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยลักษณฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาธอลิกในกรุงสยาม ลงวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2472 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งนั้นได้มีการรับรองวัดคาทอลิกในเขตการปกครองของมิสซังท่าแร่-หนองแสง จำนวน 14 วัด ทำให้มีวัดคาทอลิกที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายรวมทั้งสิ้น 57 วัด
แต่ภายหลังปี พ.ศ. 2472 ไม่มีการประกาศจัดตั้งหรือรับรองวัดคาทอลิกเพิ่มเติม เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับหน่วยงานราชการหลายครั้ง ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับหน่วยงานและขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตจัดตั้งหรือรับรองวัดคาทอลิก
ไตรศุลีกล่าวอีกว่า รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันจำนวนคริสต์ศาสนิกชนเพิ่มขึ้นครอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศไทย จึงได้ประกาศใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 เพื่อกำหนดแนวทางการพิจารณาจัดตั้งและรับรองวัดคาทอลิกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้มีวัดคาทอลิกสามารถยื่นขอจัดตั้งตามกฎหมายเข้าสู่การอนุมัติของ ครม. ในครั้งนี้
