ทั้งโลกเริ่มรู้จักชื่อยูทูเบอร์สาววัย 21 ปี นาม Emma Chamberlain (เอ็มมา แชมเบอร์เลน) ในปี 2017 จากคลิปวิดีโอไวรัลรีวิวร้านค้า 1 ดอลลาร์ ด้วยสไตล์การถ่าย ตัดต่อ และแสดงตัวตนแบบไร้ฟิลเตอร์ รวมถึงบุคลิกที่เข้าถึงได้และเป็นกันเองของเธอ ทำให้เธอมีฐานแฟนคลับรวมกันทุกแฟลตฟอร์มอย่าง TikTok, YouTube และ Instagram สูงถึง 30 ล้านคน และยังมียอดผู้เข้าชมคลิปวิดีโอต่างๆ มากกว่า 1 พันล้านครั้ง
ปัจจุบัน Emma ถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อเด็ก Gen Z อย่างมาก จากจุดเริ่มต้นยูทูเบอร์ที่ทำคลิปเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองไปวันๆ แต่วันนี้เธอเป็นทั้งพอดแคสเตอร์ แฟชั่นสตาร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ชื่อดัง และล่าสุดกับบทบาทของนักธุรกิจอีกด้วย
THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปพบกับ 7 ปัจจัยเจ๋งๆ ที่เราหลงรักผู้หญิงคนนี้กัน
1. Relatable Appeal
Emma Chamberlain เริ่มต้นเส้นทางยูทูเบอร์ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยหลังจากนั้นอีกไม่นานเธอก็เริ่มสร้างฐานแฟนคลับอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะต่อเด็กเจนใหม่หรือ Gen Z ซึ่งพวกเขาชื่นชอบเธอเพราะตัวตนและความเป็นกันเองที่เธอแสดงผ่านโซเชียลมีเดียในทุกๆ แฟลตฟอร์ม คอนเทนต์ของเธอมักเป็นเรื่องราวใกล้ๆ ตัวที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ ผ่านเทคนิคการถ่ายทำและตัดต่อที่เป็นธรรมชาติไม่มีพิธีรีตองแบบยูทูบเบอร์คนอื่นๆ ที่มักเน้นภาพรวมของคลิปให้ออกมาสวยงามจนบางครั้งจับต้องไม่ได้
ที่สำคัญการเป็นตัวของตัวเองกลายเป็นเสน่ห์สำคัญของ Emma การโชว์ภาพลักษณ์ที่จริงไม่ว่าจะความโก๊ะๆ เปิ่นๆ ไม่แต่งหน้า แต่งตัวธรรมดาๆ ทำให้คนดูรู้สึกว่าเธอเหมือนเพื่อนคนหนึ่งมากกว่าเป็นเซเลบริตี้ จุดนี้เองทำให้เธอมีแฟนคลับกดติดตามช่องยูทูบมากกว่า 11 ล้านคน และทุกคลิปมียอดเข้าชมสูงกว่า 1 ล้านครั้ง รวมๆ แล้วเธอมียอดผู้เข้าชมรวมกันทุกแฟลตฟอร์มมากกว่า 1 พันล้านครั้ง!
2. Anna Wintour Approves
จริงอยู่ที่หลายคนหลงรักสไตล์เรียลๆ ของเธอ แต่หลังจากที่เธอได้มีโอกาสคลุกคลีกับแวดวงแฟชั่นมากขึ้นเซนส์ในการแต่งตัวของเธอก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นด้วยเช่นกัน เธอโอบรับกับสไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น และปล่อยให้ตัวเองได้สนุกกับการแต่งตัว แม้แฟนคลับบางคนออกมาต่อว่าถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่เธอสนุกกับการที่ได้เป็นตัวเองและค่อยๆ เติบโตในแบบที่ตัวเองอยากจะเป็น ใครที่ติดตามอินสตาแกรมของเธอคงได้เห็นพัฒนาการการแต่งตัวของเธอที่นับวันจะเริ่มมีสไตล์ที่เก๋และชัดมากขึ้น
ความเก๋ของเธอนี้เองสามารถชนะใจ Anna Wintour ถึงขนาดเชิญและให้เธอมาเป็นพิธีกรภาคสนามของงาน Met Gala ให้กับนิตยสาร Vogue ถึง 2 ปีซ้อน แถมเซเลบริตี้หลายคนยังเปิดเผยอีกด้วยว่าพวกเขานั้นอยากเจอเธอตัวเป็นๆ และอยากถูกเธอสัมภาษณ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรีแอ็กชันของเธอหลังจาก Jack Harlow พูดว่า I Love You ก่อนลา กลายเป็นมีมไวรัลของงานคืนนั้นไปเลย
3. Expanding to Lifestyle
ในปี 2019 Emma ได้เปิดแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นในชื่อ Chamberlain Coffee ซึ่งถ้าใครติดตามเธอมาโดยตลอดจะรู้ดีว่าเธอนั้นเป็นคอกาแฟตัวยง การเปิดแบรนด์สินค้าที่แมตช์กับไลฟ์สไตล์ตัวเองจริงๆ ถือว่าฉลาดมากในเชิงการทำธุรกิจ แบรนด์ของเธอเน้นการขายกาแฟเบลนด์ที่มีจุดเด่นตรงที่แต่ละชนิดจะมีชื่อและคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนเป็นของตัวเอง เช่น Careless Cat, Early Bird, Social Dog และ Night Owl
อีกหนึ่งจุดเด่นต้องยกให้เรื่อง Sustainability หรือความยั่งยืนนั่นเอง ซึ่งเมล็ดกาแฟรวมถึงขบวนการผลิตทั้งหมดของแบรนด์นอกจากจะคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้วยังต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และออร์แกนิกที่สุดเพื่อประโยชน์ต่อโลกและต่อตัวลูกค้าทุกคน ไม่ใช่แค่นั้น Emma ยังมีสินค้าไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่จัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ Shopemmachamberlain.com อีกด้วย
4. Gen Z Fashion Icon
ความเป็นธรรมชาติแบบสาวบ้านๆ ของเธอบวกเข้ากับความทะเล้นเป็นกันเอง ส่งให้ภาพลักษณ์ของเธอถูกใจแบรนด์แฟชั่นเป็นอย่างมากเมื่อพวกเขาเองต้องการที่จะสื่อสารกับคนเจเนอเรชันใหม่มากขึ้น เซนส์แฟชั่นของเธอมีความเรียลในแบบเฉพาะของตัวเอง จากคลิปขำๆ DIY เสื้อสำหรับแฟชั่นวีกจนเป็นไวรัล ซึ่งต่อมาเธอได้ถูกเชิญไปร่วมงานแฟชั่นโชว์จริงๆ ที่ปารีสในฐานะแขกฟรอนต์โรว์ของแบรนด์ Louis Vuitton และเธอได้ทำคลิปลงช่องยูทูบของตัวเองโดยมีผู้เข้าชมสูงถึง 14 ล้านคน
นอกจาก Louis Vuitton จะเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับฝั่งเสื้อผ้าแล้วนั้น ล่าสุดแบรนด์จิวเวลรีสุดหรูอย่าง Cartier ได้เลือกให้เธอขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ร่วมกับเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลกอีกหลายคน โดยให้เหตุผลว่าพวกเขาหลงใหลเสน่ห์ที่หลากหลายและความเป็นกันเองของเธอ ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังเก็บแบรนด์ยีนส์สุดคลาสสิกอย่าง Levi’s ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์เพิ่มไปอีกหนึ่ง
5. From YouTuber to Entrepreneur
อีกหนึ่งก้าวสำคัญของ Emma คือการขยายกรอบการทำงานจากยูทูเบอร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ สู่บทบาทของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งเธอชิมลางด้วยการคอลแลบร่วมกับแบรนด์อย่าง Wild Flower ผลิตเคสมือถือลวดลายตัวการ์ตูนสุดน่ารักที่ได้กระแสตอบรับดีมากๆ จนออกมาแล้ว 2 คอลเล็กชัน รวมไปถึงบทบาทของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ให้กับแบรนด์สกินแคร์อย่าง Bad Habit กับไอเท็มเอ็กซ์คลูซีฟ 10 ชิ้นที่เน้นสำหรับลูกค้า Gen Z โดยเฉพาะ กับปัญหาสำคัญอย่างเรื่องสิวบนใบหน้าที่ Emma ได้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาถึงปัญหานี้ผ่านโซเชียลมีเดียของเธอเช่นกัน
6. Anything Goes Podcast
พอดแคสต์เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ Emma ใช้สื่อสารกับแฟนคลับของเธอ ซึ่ง Anything Goes คือชื่อช่องพอดแคสต์ที่เธอเริ่มต้นทำแบบจริงจังในช่วงต้นปี 2020 โดยแต่ละหัวข้อที่เธอนำมาพูดนั้นสามารถเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่เธอรู้สึกตอนนั้น เป็นการพูดคุยที่เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ต่างอะไรกับช่องยูทูบของเธอเลย เพียงแต่ประเด็นของพอดแคสต์จะให้น้ำหนักในเรื่องการให้คำแนะนำ ข้อคิด หรือการแสดงความคิดเห็นถึงปัญหาที่ตัวเธอหรือแฟนๆ ได้ประสบมาแล้วนำมาแชร์เล่าสู่กันฟัง ถือเป็นการเชื่อมต่อระหว่างตัวเธอและแฟนคลับในลักษณะที่เหมือนเพื่อนมากกว่าคนดัง ไม่แปลกเลยที่ใครๆ ก็หลงรักความเรียลของเธอ
7. A Positive Influencer
Emma หยุดอัปโหลดคลิปวิดีโอในยูทูปช่วงปลายปี 2021 ก่อนจะกลับอีกครั้งกลางปีนี้จากอาการโรควิตกกังวลที่เกิดขึ้นจากชื่อเสียงและคำติต่างๆ ที่ล้นทะลักมหาศาลในช่วงที่เธอกำลังโด่งดัง ซึ่งเธอยังกล่าวต่อว่าเธออยากใช้เวลาหยุดคิดและไตร่ตรองให้ดีมากขึ้นก่อนที่จะลงมือทำอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะคลิปวิดีโอที่เธอต้องการให้ทุกคลิปมีจุดประสงค์ในการทำมากขึ้น ไม่ใช่แค่พยายามผลิตคอนเทนต์เท่านั้น
ความจริงใจที่เธอเปิดเผยถึงปัญหาที่กำลังเผชิญในฐานะวัยรุ่นอายุ 21 ปีผ่านโซเชียลมีเดียกินใจแฟนคลับในวัยใกล้เคียงกับเธอเป็นอย่างมาก เพราะมันได้แสดงความมนุษย์ที่มีขึ้นลงแบบเดียวกันกับทุกคน แม้เธอจะเป็นคนดังและมีผู้ติดตามนับล้านก็ตาม กอปรกับภาพลักษณ์แบบไม่มีฟิลเตอร์ ไม่เซ็ตอัพ หรือการตัดต่อปลอมๆ ทลายกรอบค่านิยมผู้ทรงอิทธิพลที่เราเห็นกันทั่วไปที่เน้นความสมบูรณ์แบบจนเกินพอดี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนนับล้านถึงได้พูดถึงและชื่นชอบเธอกันขนาดนี้
