เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าถ้าอยากจะกินอาหารญี่ปุ่นรสชาติต้นตำรับก็ต้องไปที่ย่านพร้อมพงษ์ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่น วันนี้เราจึงรวบรวม 7 ร้านอาหารในซอยสุขุมวิท 39 มาให้คุณได้ไปสำรวจให้ทั่วทั้งซอย ไม่ว่าจะเป็นข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ราเมน ทสึเคเมน อาหารชุด ไปจนถึงของหวานสไตล์ญี่ปุ่นอย่างพาร์เฟต์ เมื่อพร้อมลุยแล้วก็ตามมาดูกันได้เลย!
ภาพ: วรรษมน ไตรยศักดา
- Komugi
ถ้าพูดถึงร้านอุด้ง ภาพจำที่โผล่ขึ้นมาน่าจะเป็นร้านอุด้งสไตล์ดั้งเดิมที่เป็นเมนูอุด้งธรรมดา ไม่หวือหวา กินคู่กับของทอดหลากชนิด อุด้งสไตล์ดั้งเดิมนี้เป็นดั่งอาหารจานด่วนของชาวญี่ปุ่น เพราะวิธีการทำนั้นรวดเร็ว เหมาะกับการแวะกินระหว่างทางและเดินทางไปต่อ แต่ที่ Komugi คาเฟ่อุด้งเปิดใหม่ในซอยสุขุมวิท 39 ที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในตอนนี้ คุณจะได้พบกับอุด้งสไตล์ใหม่ที่นอกจากหน้าตาจะสวยงามแล้ว คุณภาพยังอัดแน่นเต็มชามด้วยเส้นสดทำใหม่ทุกวันในบรรยากาศแบบคาเฟ่อบอุ่นสบายใจ
เส้นอุด้งของทางร้านนั้นทำสดใหม่ทุกวัน ไม่ว่าจะกินในรูปแบบไหนก็เข้ากันไปหมด แต่เมนูซิกเนเจอร์ที่มาถึงแล้วควรลองคือ Shiroi Curry Udon (300 บาท) อุด้งแกงกะหรี่ที่โปะหน้าด้วยครีมที่เกิดจากการนำมันฝรั่งและนมมาผสมกับครีม ตีให้เกิดเป็นฟองโฟม จนเป็นเมนูอุด้งแกงกะหรี่ที่แปลกใหม่และรสชาตินุ่มนวลขึ้นกว่าเดิม สำหรับแกงกะหรี่นั้นทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นเองโดยใช้ลิ้นวัวตุ๋น เพราะเชื่อว่าแกงกะหรี่ญี่ปุ่นต้องเป็นเบสเนื้อจะอร่อยที่สุด แม้จะมีลูกค้าทวงถามถึงแกงกะหรี่เบสหมูและไก่ แต่ทางร้านยืนยันว่าจะมีแต่เบสเนื้อเท่านั้น เพราะจะได้รสชาติของแกงกะหรี่แบบเข้มข้นถึงใจที่สุด
Komugi Japanese Udon Noodle Cafe
ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 39 (ใกล้ซอยพร้อมศรี 1) กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 12.00-15.00 น. และ 17.00-21.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/komugibkk39
รีวิวฉบับเต็ม: thestandard.co/komugi-new-cafe-udon
ภาพ: นวลตา วงศ์เจริญ
- Gold Curry
ร้านแกงกะหรี่ญี่ปุ่นจากคานาซาวา ประเทศญี่ปุ่น Gold Curry เป็นมิตรรักของชาวออฟฟิศย่านสุขุมวิท 39 ที่นอกจากจะโดดเด่นเรื่องเบสน้ำแกงกะหรี่ที่เข้มข้นจนเป็นสีน้ำตาลเข้มด้วยส่วนผสมกว่า 40 ชนิดแล้ว ยังโดดเด่นในเรื่องของปริมาณที่มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์เล็กพอดีอิ่มไปจนถึงไซส์ใหญ่ขนาด 10 กิโลกรัม ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Gold Curry เป็นร้านแรกๆ ในใจชาวออฟฟิศยามหิวโหย
เบสน้ำแกงกะหรี่ของทางร้านมีทั้งแบบหมูและเนื้อ เข้มข้นด้วยส่วนผสมกว่า 40 ชนิด เมนูที่แนะนำให้ลองคือ ข้าวแกงกะหรี่ออมเล็ตกับชีสมิลฟิลล์ (220-320 บาท) ที่นำเอาหมูสไลซ์มาซ้อนกันเป็นชั้นแล้วชุบแป้งทอดพร้อมกับชีส หรือจะเป็น แกงกะหรี่กะเพราไก่ (190-280 บาท) เมนูที่มีขายเฉพาะสาขาที่ประเทศไทยเท่านั้น เป็นการนำเมนูเรียบง่ายของประเทศไทยและญี่ปุ่นมาผสมกันจนกลายเป็นรสชาติใหม่ที่ทุกคนควรลอง ส่วนใครที่หิวจัดและอยากชาเลนจ์ตัวเองก็สามารถสั่ง แกงกะหรี่ 2 กิโลกรัม (699 บาท) โดยทางร้านบอกว่าถ้ากินหมดภายใน 15 นาทีก็ให้กินฟรีไปเลย
Gold Curry
ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 11.00-02.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/GoldCurryBangkok
ภาพ: นวลตา วงศ์เจริญ
- Fujiyama 55
ถ้ากำลังคิดถึงทสึเคเมนรสชาติกลมกล่อมก็คงเป็นร้านไหนไปไม่ได้ นอกจาก Fujiyama 55 ที่มาไกลจากนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นที่การต้มซุปนานถึง 48 ชั่วโมง ซึ่งในหมู่ร้านทสึเคเมนด้วยกันนั้นไม่ค่อยมีใครต้มนานขนาดนี้ การต้มไว้นานถึง 48 ชั่วโมงทำให้น้ำซุปของทางร้านเข้มข้นมาก เวลากินจึงต้องตั้งไว้บนเตาอินฟราเรดตลอดเวลาเพื่อไม่ให้น้ำซุปเสียรสชาติ และเมื่อกินคู่กับเส้นสดที่ทางร้านใช้แป้งสาลีที่มีโปรตีน ทำให้เกิดเป็นรสชาติเข้มข้นที่หาที่ไหนก็ไม่เหมือน
เริ่มที่ Umakara Ramen Special (330 บาท) ราเมนซุปมิโซะผสมเต้าหู้ทรงเครื่องรสชาติเผ็ด และเพิ่มความพิเศษแบบล้นชามด้วยท็อปปิ้ง 5 อย่าง ทั้งถั่วงอก ต้นหอมญี่ปุ่น หน่อไม้ ชาชู และไข่ต้มโชยุ หากคุณเป็นคนที่กินไม่เยอะมาก ราเมนชามนี้สามารถแบ่งกินได้ถึง 2 คนเลยทีเดียว ต่อด้วยมาเซโซบะหรือทสึเคเมนแบบแห้งที่คุณสามารถปรับรสชาติอย่างที่ชอบได้เอง Umakara Mazesoba (220 บาท) ชามนี้เป็นทสึเคเมนแบบแห้งที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องอย่างหมูสับรสเผ็ด ถั่วงอก สาหร่าย และอีกมากมาย แต่ไฮไลต์คือไข่แดงสดที่อยู่ตรงกลาง เมื่อคลุกเคล้าให้เข้ากับเส้นแล้วจะได้มาเซโซบะรสชาติเข้มข้น
Fujiyama 55
ที่อยู่: ตึก Bio House ชั้น 1 ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/fujiyamagogo
ภาพ: วรนิต หิรัญพงษ์
- Bankara Ramen
อีกหนึ่งร้านที่อยู่คู่ซอยสุขุมวิท 39 มานาน ชนิดที่ว่าถ้าพูดถึงซอยนี้คงไม่พูดถึง Bankara Ramen ไม่ได้ ด้วยรสชาติที่เข้มข้นของน้ำซุปและความเหนียวนุ่มของเส้น ทำให้ Bankara Ramen ครองใจชาวออฟฟิศย่านพร้อมพงษ์ไปได้ไม่ยาก
เมื่อมาถึงแล้ว สิ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ Kakuni Bankara (290 บาท) ราเมนต้นตำรับของทางร้านที่ไม่ได้มีดีแค่เส้นกลมใหญ่ๆ และซุป แต่มีหมูสามชั้นตุ๋นนานถึง 3 วัน ทำให้เนื้อนุ่มจนละลายในปากได้ และ Tonkotsu (205 บาท) ราเมนเส้นเล็กซุปกระดูกหมูน้ำข้น เสิร์ฟพร้อมชาชู เห็ดหูหนูหั่นฝอย และสาหร่าย นอกจากนี้ยังมีเมนูข้าวชามพอดีๆ ราคามิตรภาพอย่าง Aburi Chashu Don (140 บาท) ที่เป็นข้าวหน้าหมูชาชูนุ่มละลายในปาก ราดด้วยซอสรสชาติเข้มข้นให้เลือกด้วยนะ
Bankara Ramen
ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/BankaraRamen
ภาพ: วรรษมน ไตรยศักดา
- Orange House
ร้านอาหารชุดแบบญี่ปุ่นบ้านๆ ที่แอบอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ร้านนี้อาจดูธรรมดาเมื่อมองจากข้างนอก แต่เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานรับออร์เดอร์กล่องข้าวเบนโตะทางโทรศัพท์ด้วยภาษาญี่ปุ่นแบบไม่หยุดหย่อน ทำให้มั่นใจได้เลยว่าร้านนี้ต้องทำอาหารญี่ปุ่นออกมาได้รสชาติต้นตำรับตรงใจชาวญี่ปุ่นแน่นอน และนอกจากโซนนั่งกินอาหารแล้วยังมีโซนคาเฟ่มังงะที่สามารถจ่ายเงินเป็นรายชั่วโมงเข้าไปนั่งอ่านหนังสือการ์ตูน (ภาษาญี่ปุ่น) ได้อีกด้วย และบางครั้งก็จะมีเจ้าแมวอ้วนสองตัวมาเดินคลอเคลีย ได้บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวบ้านเพื่อนเลย
เมนูแนะนำที่น่าสนใจ เริ่มที่เมนูเบนโตะเต็มๆ กล่องอย่าง Tokusen Makunouchi Bento (350 บาท) ชุดเบนโตะรวมของทอดและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเสิร์ฟในร้าน ไม่ว่าจะเป็นกุ้งทอด ไก่ทอด แฮมเบิร์ก ปลาย่าง ทสึคุเนะ โซบะ ไปจนถึงพาสต้า เหมาะสำหรับคนที่อยากลองทุกอย่างในคราวเดียว แต่ถ้าคุณไม่หิวมากขนาดนั้นก็มี Cheese Jumbo Hamburg Set (260 บาท) ชุดแฮมเบิร์กหมูชีสชิ้นโต เสิร์ฟพร้อมข้าว ซุป ผักดอง และไข่ดาว และถ้าคุณมีใจให้กับการลองอาหารแบบใหม่ๆ ก็มี Oroshi Natto Soba (180 บาท) ให้ลอง โซบะเย็นกินคู่กับผักนานาชนิดและนัตโตะ ทั้งอิ่มและได้สุขภาพ
Orange House
ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 09.30-21.15 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม: orangehouse.namjai.cc
ภาพ: Yamachan Thailand Facebook Page
- Sekai no Yamachan
ถ้าอยากจะกินปีกไก่ทอดแบบอิ่มจุใจในบรรยากาศอิซากายะสักหนึ่งร้านในซอยสุขุมวิท 39 ร้านที่ไม่ควรจะพลาดคือ Sekai no Yamachan อิซากายะที่บินมาไกลจากนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น เป็นร้านที่ยืนหนึ่งย่านสุขุมวิทมานาน เต็มที่ทั้งเมนูปีกไก่กองเป็นภูเขา กับแกล้มนานาชนิด และเครื่องดื่มแบบบุฟเฟต์
ไก่ทอดของยามะจังนั้นไม่ได้หมักหรือชุบแป้ง แต่กรอบอร่อยได้ด้วยเทคนิคพิเศษลับเฉพาะของทางร้าน ทำให้เวลาหยิบกินนั่นง่ายดาย เพียงแทะเบาๆ เนื้อก็หลุดออกมาทั้งปีกแล้ว บวกกับผงปรุงรสสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้ไก่กองเท่าภูเขานี้สามารถหมดจานได้ในพริบตา นอกจากไก่ทอดแล้วที่ร้านยังมีคุชิอะเกะ หรือเมนูของทอดเสียบไม้ให้เลือกถึง 19 อย่าง เป็นเมนูที่กินคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ ได้ดี
Sekai no Yamachan
ที่อยู่: ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/yamachanthailand
ภาพ: วรรษมน ไตรยศักดา
- Parden
ร้านอยากแนะนำผลไม้ไทยให้กับชาวญี่ปุ่นผ่านอะไรสักอย่าง จนมาจบที่ ‘พาร์เฟต์’ ของหวานยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น เป็นของหวานที่พบเห็นได้ตามคาเฟ่หรือร้านของหวานทั่วไปในเมืองที่ญี่ปุ่น แต่ละร้านจะแข่งกันตกแต่งพาร์เฟต์กันราวกับเทศกาลศิลปะ โดยใช้ทั้งขนมหวานญี่ปุ่น ผลไม้ ขนมหวานชนิดอื่น พาร์เฟต์มีตั้งแต่ขนาดปกติไปจนถึงขนาดใหญ่พิเศษที่แบ่งกันกินได้หลักสิบคน เพราะพาร์เฟต์สไตล์ญี่ปุ่นนั้นสามารถเป็นได้ทั้งของหวานและงานศิลปะ ด้วยเหตุนี้ทางร้านจึงเลือกพาร์เฟต์มาเป็นตัวกลางในการแนะนำผลไม้ดีๆ ให้กับชาวญี่ปุ่นในย่านนั้น
เมนูที่คู่ร้านเลยคือ Parden Fruits Parfait (220 บาท) พาร์เฟต์ผลไม้ 8 ชนิดที่ทางร้านอยากนำเสนอ มีทั้งแตงโม แก้วมังกร มะละกอ กล้วย แอปเปิ้ล ชมพู่ มะเฟือง ไปจนถึงเงาะ ใส่มาในถ้วยทรงสูงสวยงาม ด้านล่างเป็นกรานิตารสผลไม้ บางครั้งก็เป็นรสมะม่วง และบางครั้งก็เป็นรสเสาวรส และไอศกรีมโยเกิร์ตที่ทางร้านทำเอง ส่วนพาร์เฟต์ผลไม้ตามฤดูกาลช่วงนั้นได้เจอกับ Krathon Parfait (290 บาท) พาร์เฟต์กระท้อนที่เสิร์ฟมาทั้งเปลือกแบบอลังการ ด้านล่างเป็นยูซุซอร์เบตและเยลลีกระท้อน เป็นถ้วยที่รวบรวมความเปรี้ยวหลากหลายชนิดเอาไว้ได้ดี
Parden
ที่อยู่: ชั้น 2 โครงการ The Manor ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: วันพุธ-ศุกร์ เวลา 11.00-17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-17.30 น. หยุดวันจันทร์และอังคาร
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/Parden.Bangkok
รีวิวฉบับเต็ม: thestandard.co/parden-bangkok
ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์