เมื่อพูดถึง 7-Eleven ย่อมนึกถึงความเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีของ (เกือบ) ทุกอย่างให้ซื้อ แต่ตอนนี้ได้มีการพัฒนาไปเป็นร้านกาแฟที่พนักงานชงให้ใหม่ๆ ไปจนถึงล่าสุดกับการยกอาหารเกาหลี ‘ทักคาลบี้’ เข้าไปปรุงสดๆ ในร้านกันแล้ว
ครั้งนี้เป็นการจับมือระหว่าง ‘คัดสรร’ (KUDSAN) ธุรกิจอาหารปรุงสดในร้าน 7-Eleven กับ ‘ทัคคาลบี้’ (DAK GALBI) เชนร้านอาหารเกาหลีที่มีอายุเกือบ 10 ปีแล้ว
มีการประเมินว่า ตลาดอาหารเกาหลีเมื่อปี 2563 มีมูลค่าถึง 2 พันล้านบาท และมีอัตราเติบโตที่ 4-5% ทุกปี แสดงว่าคนไทยมีความต้องการและชื่นชอบอาหารเกาหลีไม่น้อย จึงกลายเป็นที่มาของการนำทัคคาลบี้เข้ามาเสิร์ฟลูกค้าในร้าน 7-Eleven ในราคาที่เคลมว่า ‘เข้าถึงง่าย’ โดยอยู่ในช่วง 89-129 บาท ประเดิมด้วย 4 เมนู ก่อนจะขยายเป็นอีก 20 กว่าเมนูในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ฟูซิลลี่ผัดขี้เมาไก่’ เมนูจัดจ้านจาก ‘เจ๊ไฝ’ มีวางขายแล้วใน 7-Eleven
- สัญญาณฟื้นตัวชัด! CP ALL เผย หลังคลายล็อกดาวน์จำนวนลูกค้าเข้าร้านและยอดใช้จ่ายต่อบิลเพิ่ม มั่นใจปีนี้เปิดสาขาใหม่ครบ 700 แห่งตามเป้า
“เชื่อว่า ลูกค้าจะประทับใจทั้งรสชาติความอร่อยที่ไม่ต่างจากการรับประทานในร้านปกติ และชอบในบริการที่รวดเร็ว พร้อมเสิร์ฟภายใน 3-5 นาที ซึ่งเป็นการปรุงสด-พร้อมเสิร์ฟ-ตามสไตล์เกาหลีแท้ๆ ที่ทุกคนต้องประทับใจ” ปรียาวรรณ ตันตสุรฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดัคกาลบี้ กรุ๊ป จำกัด กล่าว
เบื้องต้นได้มีการเปิดสาขาแรกที่ 7-Eleven สาขา สีลมซอย 9 ก่อนจะขยายไปจำนวน 555 สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และให้ครอบคลุมทุกสาขาที่มีคัดสรรในที่สุด โดยใช้พนักงาน 7-Eleven ที่ผ่านการเทรนแล้วเป็นผู้ปรุง
ณ สิ้นปี 2564 7-Eleven มีร้านทั่วประเทศไทย 13,134 สาขา โดยมีรายได้รวม 290,228 ล้านบาท ลดลง 10,477 ล้านบาท หรือ 3.5% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มีกำไรสุทธิ 9,032 ล้านบาท ลดลง 36.8%
สำหรับปี 2565 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL วางแผนขยาย 7-Eleven เพิ่มอีก 700 สาขา วางงบลงทุน 3.8-4 พันล้านบาท และอีก 2.4-2.5 พันล้านบาท สำหรับปรับปรุงร้านเดิม
บล.บัวหลวง ได้ออกบทวิเคราะห์ที่ประเมินว่า จำนวนผู้ใช้บริการร้านสะดวกซื้อโดยเฉลี่ยจะฟื้นตัวมาอยู่ในระดับก่อนโควิดได้ภายในปี 2567 ในขณะที่การเติบโตของยอดขายจะมีแรงหนุนมาจากจำนวนการใช้จ่ายต่อรายที่เพิ่มขึ้น (การบริหารจัดการสินค้าเชิงรุกที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการขาย/ตารางเมตร), ร้านค้าใหม่ และการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ที่แข็งแกร่ง (ในปีนี้ตั้งเป้าที่จะมียอดธุรกรรมออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 4.5 แสนธุรกรรมในปี 2564)
ดังนั้นจึงคาดการณ์การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมจะอยู่ในช่วง 5-6% และคาดอัตราการเติบโตสะสมเฉลี่ยของกำไรหลักปี 2565-67 จะอยู่ที่ 36%
ด้านบล.เอเซียพลัส ประเมินได้กำไรปกติปี 2565 ของ CP ALL จะอยู่ที่อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 96% ซึ่งมาจากการพัฒนา เน้นการปรับ Product Mix ที่ขายให้เหมาะสมกับพฤติกรรมลูกค้า และอำนวยความสะดวกได้ตลอดเวลา โดยมองกำไรจะเพิ่มขึ้นอีก 28% ในปี 2566
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP