วันนี้ (31 พฤษภาคม) ที่รัฐสภา สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายพระราชกำหนดทั้ง 3 ฉบับ เพื่อฟื้นฟูแก้ปัญหาในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 โดยกล่าวว่า โควิด-19 โจมตีเรามา 3 เดือนแล้ว ส่งผลกระทบด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ดังนั้น ต้องประเมินทุกด้าน อย่าพูดเฉพาะตัวเลขสาธารณสุขว่าลดลง แต่เราต้องประเมินด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย ถ้าจะชมกันต้องมีสติ ถ้าไม่มีสติ จะหลงตัวเองตั้งอยู่ในความประมาท ถ้าโควิด-19 มารอบสองจะทำอย่างไร ทั้งนี้ ขอชื่นชมแพทย์ไทยที่ทำงานอย่างทรหดภายใต้ภาวะที่ผู้นำไม่ได้ช่วยพายเรือเลย แพทย์ทำงานจะเป็นจะตาย แต่รัฐบาลส่งหน้ากากไปขายประเทศจีน ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องยอมรับว่าการเยียวยาของท่านล้มเหลว ทำได้ไม่ดีพอ ท่านไม่ยอมรับความจริงว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลกู้ทุกปี กู้ซ้ำกู้ซ้อน ตอนนายกรัฐมนตรีเข้ามารับตำแหน่ง ประเทศมีหนี้สาธารณะ 36 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มมาเป็น 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่รู้ว่ากว่านายกฯ จะพ้นจากตำแหน่ง ประเทศจะมีหนี้สาธารณะเท่าไร
สุทินกล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าห่วงคือ หนี้การบินไทย 1.7 แสนล้านบาท ที่วันนี้ยื่นเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย มีแต่หนี้ต่างประเทศ ถ้าไปเบี้ยวหนี้เขา เรตติ้งประเทศไทยจะตกวูบ ทำให้กู้เงินต่างประเทศไม่ได้ ส่วนการกู้ในประเทศโดยการออกพันธบัตรเราไม่ทิ้งกันที่ให้ดอกเบี้ย 3 เปอร์เซ็นต์ เกินกว่าตลาด 3 เท่า เศรษฐีพากันไปซื้อพันธบัตรจนรวย ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำ ขอเติมฉายาให้อีก นอกจากเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังเป็นบิดาแห่งความเหลื่อมล้ำอีกด้วย เพราะจะเยียวยาก็ยังเหลื่อมล้ำ ส่วนแผนการกู้ไม่ระบุชัดเจนว่าจะกู้มาทำอะไร ยิ่งนายกฯ บอกเป็นสถานการณ์พิเศษ ต้องคิดให้พิเศษมากขึ้น การช่วยเหลือ SMEs ทำแค่อัดเงินเข้าไปอย่างเดียว แม้ต้องทุ่มเงินให้ แต่ต้องแยกแยะการฟื้นฟูเป็นกลุ่มให้ดี และก่อนจะอัดเงินให้ SMEs ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ SMEs อยู่ได้ก่อน เพราะเงินไม่ใช่คำตอบทุกอย่าง ส่วนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) รักษาเสถียรภาพทางการเงินที่ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยไปซื้อตราสารหนี้จากเอกชนนั้น ไม่รู้ว่าเอกชนรายใหญ่จนจริงหรือไม่ ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้มีกลุ่มทุนใหญ่ในไทยระดมเงินไปฝากธนาคารร่วม 8 แสนล้านบาท แล้วไหนบอกว่าไม่มีเงิน เป็นห่วงว่าตำนานล้มบนฟูกจะกลับมา โดยทำเป็นการแกล้งจน เป็นห่วงว่านายกฯ จะรู้ไม่ทันนักลงทุน
วันนี้สิ่งที่เกษตรกรต้องการ ไม่ใช่การอบรมตามแผนที่รัฐบาลกำหนดมาในการใช้ พ.ร.ก. กู้เงินช่วยเกษตรกร แต่สิ่งที่เกษตรกรต้องการในวันนี้คือ ที่ดิน แหล่งน้ำ การตลาด และองค์ความรู้ ไม่เชื่อว่าท่านต้องการให้ภาคเกษตรแข็งแรงจริง ต่อมาคือเรื่อง SMEs ท่านมาถูกทาง แต่วิธีท่านผิด คือท่านคิดอัดเงินอย่างเดียว ซึ่งผิด การจะช่วย SMEs ต้องแยกเป็นกลุ่มๆ จะใช้มาตรการช่วยเหลือเดียวกันทั้งหมดไม่ได้ ทั้งนี้ ความต้องการและปัญหาของ SMEs จริงๆ คือ ความเหลื่อมล้ำในระบบ มีการกีดกันการตลาด มีการไล่รังแกกันเอง ปลาใหญ่ไล่กินปลาเล็ก ท่านต้องแก้ตรงนี้ก่อน รัฐบาลต้องจัดการเรื่องความเหลื่อมล้ำ จัดการกฎหมายในประเทศ ซึ่งวันนี้ท่านยังจะไปรับ CPTPP ให้ต่างชาติมาถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจอีก เมล็ดพันธุ์ในประเทศยังไม่มี ยังไปเอาเมล็ดพันธุ์เมืองนอกมาอีก วันนี้ท่านต้องเสริมแรงให้ SMEs และปกป้องเขา ไม่ใช่อุ้มเจ้าสัว
สุทินกล่าวต่อไปอีกว่า ไม่เชื่อว่าการกู้เงินครั้งนี้รัฐบาลต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจจริง เพราะถ้าต้องการฟื้นฟูจริง จะไม่ทำแบบนี้ แต่ต้องการเพียงหมุนเงินเร็วๆ เท่านั้น การเสนอโครงการทุกอย่างทำอย่างรวดเร็วมาก ถ้าท่านอยากฟื้นฟูจริง ใจเย็นๆ ได้ไหม แล้วมาคิดช่วยกันอัดลงไปในงบฯ ปี 64-65 แต่วันนี้กลัวหมุนลงไปแล้วไม่ฟื้น ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ เข้ามา หนี้เสียเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงซุบซิบกันมาว่าอีก 1 ปีกว่าจะยุบสภาฯ แปลว่ารีบอัดเงินลงไปก่อน จะฟูไม่ฟูไม่รู้ แต่ให้มันลอยอยู่ในระบบสักปีกว่า เพื่ออายุรัฐบาลของตัวเอง เลี้ยงไข้ไว้ก่อน แล้วจะรีบไปก่อนคนไข้จะตายต่อหน้า แล้วพอพวกมา ก็จะอุ้มศพพอดีใช่ไหม นอกจากนี้รัฐบาลได้ปฏิรูปประเทศหรือไม่ ถ้าตราบใดคุณยังไม่ปฏิรูปประเทศ คุณก็มาบ่นว่าประกันสังคมจ่ายไม่ได้ ช้า เพราะคอมพิวเตอร์ ก็อยู่มา 6 ปี ทำไมไม่เปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ล่ะ ทำไมไม่ปฏิรูประบบราชการ คุณจะโทษใคร ทักษิณหรือ เขาไป 20 ปีแล้ว คอมพิวเตอร์เปลี่ยนได้ 5 รุ่นแล้ว แล้วมาอ้างตอนยึดอำนาจเข้ามาว่าจะมาปฏิรูปประเทศ ถ้ายังไม่ปฏิรูปประเทศ แล้วจะก้าวเข้าสู่ New Normal ได้อย่างไร ถ้าความเหลื่อมล้ำยังอยู่แบบนี้ อัดเงินเข้าไปเท่าไร สุดท้ายก็ไปอยู่ที่เดียว ใช้ชาวบ้านและคนจนเป็นที่ผ่านเงิน ใจร้ายมาก
“ถ้าท่านกู้เงินมาเพื่อรักษาคนป่วย รับได้ 6 แสนล้านบาท ก็เอาไปสิ แต่ถ้ากู้มาเพื่อใช้หนี้เก่า แก้ปัญหาเก่ารับมาเสียดีๆ แล้วยิ่งถ้ากู้มาเพื่อจัดงานวันเกิด โอ้! ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร จัดงานวันเกิดคือทุจริตไง มาแจกกันเองในพรรคพวก แล้วจะไม่ให้ผมสงสัยได้อย่างไร วันนี้การตรวจสอบมีปัญหามาก เพราะได้มีการแก้ระเบียบในกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง ที่โดยปกติแล้วการประมูลงานถ้าเกิน 5 แสนบาท ต้อง e-Bidding แต่ตราบใดที่ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยังอยู่ ไม่จำเป็นต้อง e-Bidding เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที่ว่า ที่คง พ.ร.ก. ฉุกเฉินไว้ มีเจตนาอะไรกันแน่ เราจึงเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงินได้ไหม เพราะเงินจำนวนมาก และรายงาน เราก็อยากให้รายงานต่อสภาฯ ขนาดปฏิรูปประเทศยังบังคับให้รายงานทุก 3 เดือนครั้งเลย แต่กู้เงินขนาดนี้กลับให้รายงานสภาฯ ปีละครั้ง แต่ให้รายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) 3 เดือนครั้ง ถามว่าไป ครม. แล้วมาต่อสภาฯ จะเป็นจะตายหรือเปล่า แล้วผมจะให้เงินท่านไปใช้ขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะผมไม่เชื่อว่าท่านจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ แล้วประชาชนและประเทศชาติต้องรับกรรม” สุทินกล่าว
สุทินกล่าวด้วยว่า ฝ่ายค้านจะลงมติใน พ.ร.ก. อย่างไร ขอปรึกษาฝ่ายค้านรุ่นพี่อย่างท่านประธาน (ชวน หลีกภัย) เพราะเป็นฝ่ายค้านโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ตลอดปีที่ผ่านมา ถ้าชนทุกเรื่อง ก็จะถูกกล่าวหาว่าฝ่ายค้านค้านทุกเรื่อง ขวางทุกทาง แต่หากเห็นด้วยบางเรื่อง ก็ถูกกล่าวหาว่าฝ่ายค้านซูเอี๋ย ชกไม่สุดหมัด นี่ก็ไปปล่อยข่าวว่าพวกจะไปเข้าร่วมรัฐบาลอีกแล้ว ใครปล่อยไม่รู้ แต่ถ้ารัฐบาลเป็นคนปล่อยนี่ใจร้ายมาก ขับรถชนพวกเราดิ้นอยู่ข้างทาง แล้วยังจะถอยเหยียบอีก เลือกตั้งพวกตนชนะ ก็มาแย่งเป็นรัฐบาล แล้วเอากล้วยมาล่อลิงไปกี่ตัวแล้ว ยังจะมาปล่อยข่าวอีก ถ้านายกฯ อยู่จะร้องเพลงให้ฟังเลยว่า “ชาตินี้ที่รัก เราคงรักกันไม่ได้” ในการลงมติวันนี้เราก็พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล ครั้นจะไม่ให้ผ่านเราก็สงสารชาวบ้านที่ลำบาก เพราะพวกท่านเอาชาวบ้านมาเป็นตัวประกันแล้ว แต่หากให้ผ่านโดยง่ายก็เป็นห่วงลูกหลานในอนาคต เรารู้ว่าวันนี้มือพวกเราสู้ไม่ได้ แต่ที่ต้องอภิปรายเพื่อให้บันทึกไว้ในสภาฯ และให้ลูกหลานมาดูเหตุผลและที่มาที่ไปของการลงมติ พ.ร.ก. หลักการดี วิธีการชอบ เป้าหมายถูกต้อง แต่อยากให้มีการตรวจสอบ
สุทินยังกล่าวถึงการลงมติว่า ขอให้ประชาชนเข้าใจว่าพวกผมไฟเขียวให้ผ่านอย่างขมขื่น อะไรที่พวกเราไม่เห็นชอบ แสดงว่ามันเหลือเกินจริงๆ อย่าไปคิดว่าเราชกไม่สุดหมัด เพราะเราทำมาแล้วทุกอย่างจริงๆ ชีวิตฝ่ายค้านทำมาแล้วสุดๆ ตอนแรกจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่พอไปล่ารายชื่อพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ก็ไม่อยากลง เพราะหมากเกมนี้ฉันก็รู้ว่าจะต้องลงเอยอย่างไร ไม่ต้องรอให้จบเกม ฉันก็พร้อมจะยอมตัดใจ ถ้าในวันหน้าพรรคเพื่อไทยไปทำอย่างนี้ จะมีโอกาสมาถึงสภาฯ หรือไม่ คงถูกตีตกไปแล้ว ดังนั้น ยืนยัน ฝ่ายค้านทำงานเต็มที่
ภาพ: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม Support By Nikon Sales (Thailand)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล