รายงานจาก Copernicus Climate Change Service (C3S) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป เปิดเผยวานนี้ (6 กันยายน) ว่า ปี 2023 จ่อทำสถิติเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ขณะที่อุณหภูมิโลกของช่วงฤดูร้อนในซีกโลกเหนือนั้นก็ทำสถิติร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยเช่นเดียวกัน
ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ เราทุกคนต่างได้เป็นสักขีพยานต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นในเอเชีย, แอฟริกา, ยุโรป และอเมริกาเหนือ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อน, ภัยแล้ง และไฟป่าที่รุนแรง สร้างความเสียหายหนักต่อทั้งทางเศรษฐกิจ ระบบนิเวศ และสุขภาพของประชาชน โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกในเดือนมิถุนายน, กรกฎาคม และสิงหาคม อยู่ที่ 16.77 องศาเซลเซียส สูงกว่าสถิติเดิมเมื่อปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 16.48 องศาเซลเซียส
ซาแมนธา เบอร์เกส รองผู้อำนวยการ Copernicus Climate Change Service เปิดเผยกับสำนักข่าว AFP ว่า “เมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเราเพิ่งเผชิญกับช่วงเวลาที่อากาศร้อนที่สุดในรอบประมาณ 120,000 ปี หรือร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ”
ทั้งนี้มีรายงานว่า เดือนที่แล้วเป็นเดือนสิงหาคมที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมีอากาศร้อนกว่าเดือนอื่นๆ ทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา เว้นก็แต่เดือนกรกฎาคมเท่านั้น
“หายนะจากโลกรวนได้ก่อตัวขึ้นแล้ว” ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (US) กล่าว “สภาพอากาศโลกเลวร้ายลงรวดเร็วกว่าที่เราจะรับมือไหว”
ขณะเดียวกันวานนี้องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ก็ได้ออกมาเตือนด้วยเช่นกันว่า คลื่นความร้อนที่รุนแรงและเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศมากขึ้น ซึ่งในที่สุดจะทำให้อายุขัยมนุษย์หดสั้นลง โดย เพตเตอรี ทาลาส เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก กล่าวว่า “คลื่นความร้อนทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์, ระบบนิเวศ, ภาคเกษตรกรรม และชีวิตประจำวันของเราทุกคน”
แฟ้มภาพ: VladisChern Via Shutterstock
อ้างอิง:
