×

2020/2021 ปีที่สปอตไลต์สาดส่องผู้นำหญิงในแวดวงการเมืองโลก

29.12.2020
  • LOADING...
ผู้นำหญิงในแวดวงการเมืองโลก

ท่ามกลางวิกฤตและความท้าทายมากมายที่เกิดขึ้นตลอดปี 2020 ปีที่การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศหยุดชะงัก ปีที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากโรคระบาดอย่างหนักหน่วง ปีที่รัฐบาลแต่ละประเทศต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายเรื่องการบริหารจัดการวิกฤตโรคระบาดและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุขเพื่อปกป้องพลเมืองของตนเอง ในขณะเดียวกัน ปี 2020 นี้เองก็เป็นช่วงเวลาที่บรรดาผู้นำหญิงในเวทีโลกได้แสดงศักยภาพและความสามารถที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าในปี 2021 ก็จะเป็นอีกปีที่พวกเธอจะได้รับเสียงชื่นชมจากประชาคมโลกไม่มากก็น้อย

 

นี่คือผู้นำหญิงบางส่วนที่มีบทบาทและมีผลงานโดดเด่นในแวดวงการเมืองโลกช่วงปีที่ผ่านมา

 

Photo: Bernd vo Jutrczenka / Pool / AFP

 

อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงแกร่งของเยอรมนีที่นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศมาตั้งแต่ปี 2005 โดยเธอได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน และเป็นหนึ่งใน 100 รายชื่อบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดประจำปี 2020 ของนิตยสาร Time อีกด้วย นอกจากที่แมร์เคิลจะต้องบริหารจัดการกับวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้เยอรมนีเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลกแล้ว (กว่า 1.66 ล้านราย) เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าแมร์เคิลคือหนึ่งในผู้นำประเทศที่เปรียบเสมือนเป็นเสาหลักในกับองค์กรเหนือรัฐอย่าง ‘สหภาพยุโรป’ (European Union: EU) เธอและประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการผลักดันแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจให้แก่ประเทศสมาชิกทั้ง 27 ประเทศที่ล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดครั้งใหญ่นี้

 

จากผลการสำรวจภาพลักษณ์และคะแนนความเชื่อมั่นต่อผู้นำประเทศในเวทีโลกโดย Pew Research Center เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2020 พบว่าแมร์เคิลคือผู้นำประเทศที่ได้รับคะแนนความเชื่อมั่นสูงที่สุดในบรรดาผู้นำประเทศทั้งหมด 6 คน (เชื่อมั่น 76% : ไม่เชื่อมั่น 19%) ตามมาด้วยผู้นำฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร รัสเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา (เชื่อมั่น 16% : ไม่เชื่อมั่น 83%) 

 

โดยในปี 2021 จะเป็นปีที่การเมืองโลก โดยเฉพาะการเมืองยุโรปเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลังแมร์เคิลเคยประกาศที่จะยุติเส้นทางสายการเมืองและก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายหลังจากที่เธอหมดวาระลงในปี 2021 เบื้องต้นคาดการณ์ว่า แอนน์เกร็ต แครมป์-คาร์เรนบาวเออร์ ที่นั่งเก้าอี้ประธานพรรคคริสเตียน เดโมเครติค ยูเนียน (CDU) ต่อจากแมร์เคิลเมื่อปี 2018 อาจมีสิทธิ์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของเยอรมนี หากพรรค CDU ชนะการเลือกตั้งและครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้สำเร็จ จากสถิติมีประธานพรรค CDU เคยนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเยอรมนีมาแล้ว 5 จากทั้งหมด 7 คน ทายาททางการเมืองของแมร์เคิลจะต้องแบกรับภาระและหน้าที่ที่สำคัญยิ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนและประคองให้ EU ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

 

Photo: Michael Bradley / AFP

 

จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นผู้นำหญิงที่ได้รับความนิยมและเสียงชื่นชมมากที่สุดคนหนึ่งในปี 2020 สิ่งแรกที่เธอ คณะรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลตัดสินใจทำหลังจากที่โควิด-19 เริ่มระบาดภายในประเทศคือการปรับลดเงินเดือนตนเอง 20% นาน 6 เดือนเพื่อช่วยนิวซีแลนด์รับมือวิกฤต รวมถึงเตรียมแผนรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ พร้อมทั้งผลักดันมาตรการเชิงรุก ปิดพรมแดนประเทศ เดินหน้าตรวจและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศอย่างจริงจัง รวมถึงประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนต่อรัฐบาล จนทำให้นิวซีแลนด์เคยประกาศเป็นประเทศปลอดโควิด-19 ระยะเวลาหนึ่ง เมื่อช่วงกลางปี 2020 หลังผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์และสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ในท้ายที่สุด

 

โดยอาร์เดิร์นขึ้นปกนิตยสาร Time ในฐานะต้นแบบผู้นำหญิงแกร่ง ก่อนครบรอบ 1 ปีเหตุกราดยิงผู้คนในมัสยิดเมืองไครสต์เชิร์ช เหตุกราดยิงครั้งรุนแรงที่สุดของนิวซีแลนด์ที่นำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายครอบครองอาวุธปืน ทั้งยังได้รับการยกให้เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอันดับที่ 32 ประจำปี 2020 จากนิตยสาร Forbes อีกด้วย 

 

จากศักยภาพ ความสามารถ การควบคุมสติ และผลงานที่โดดเด่น ส่งผลให้อาร์เดิร์นได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา นั่งเก้าอี้ผู้นำนิวซีแลนด์เป็นสมัยที่ 2 โดยคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของเธอถือว่ามีความหลากหลายมากที่สุดชุดหนึ่งของโลก เธอเปิดโอกาสและสนับสนุนให้ผู้หญิงก้าวเข้ามามีบทบาทในพื้นที่ทางการเมือง จึงทำให้มีผู้หญิงนั่งเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้มากถึง 8 คน หรือคิดเป็น 40% ของคณะรัฐมนตรีทั้งหมด 

 

นอกจากนี้เธอยังมีบทบาทในการสนับสนุน LGBTQ โดยตัดสินใจเลือก แกรนต์ โรเบิร์ตสัน รัฐมนตรีที่เปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนว่าเป็นเกย์ก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของนิวซีแลนด์ อีกทั้งยังสนับสนุนความหลากหลายทางเชื้อชาติ เปิดโอกาสให้กับชาวเมารี รวมถึงชาวแปซิฟิกา เข้ามามีส่วนสำคัญในการบริหารประเทศในช่วงเวลานี้ด้วย

 

ทางการนิวซีแลนด์ภายใต้การนำของอาร์เดิร์นได้สั่งจองวัคซีนต้านโควิด-19 มากเพียงพอต่อประชากรภายในประเทศทั้งหมดแล้ว (ราว 5 ล้านคน) พร้อมทั้งยังจะจัดสรรวัคซีนส่วนต่างจากจำนวนประชากรแจกจ่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้านแถบมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมสนับสนุนเงินช่วยเหลือเพื่อให้ประเทศเหล่านั้นสามารถเข้าถึงวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ โดยจะเริ่มต้นฉีดและจัดสรรวัคซีนในปี 2021 

 

นอกจากนี้อาร์เดิร์นยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมโลก โดยประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ พร้อมตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 นับเป็นก้าวสำคัญที่จะร่วมแสดงจุดยืนและกดดันให้ประชาคมโลก รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อสู้กับปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

 

Photo: Ulet Ifansasti / Getty Images

 

ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีหญิงคนแรกและคนเดียวของไต้หวันขณะนี้ เปิดต้นปี 2020 ด้วยการคว้าชัยในศึกเลือกตั้งระดับชาติ นั่งเก้าอี้ผู้นำไต้หวันต่อเป็นสมัยที่ 2 โดยผลงานและจุดยืนที่เด่นชัดของเธอคือการดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อจีนแผ่นดินใหญ่ ต่อต้านแนวคิดการเป็นส่วนหนึ่งของจีนเดียว สนับสนุนกฎหมายผู้ลี้ภัย รวมถึงการประกาศใช้กฎหมายสมรสเพศเดียวกันเป็นชาติแรกในเอเชีย และพยายามเพิ่มบทบาทของไต้หวัน พร้อมสร้างการยอมรับในเวทีโลก 

 

หนึ่งในภารกิจที่ท้าทายที่สุดในปีนี้ของไต้หวันก็คงหนีไม่พ้นการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในไต้หวันเอง โดยไต้หวันเริ่มต้นเตรียมแผนรับมือโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 ซึ่งในช่วงเวลานั้นยังคงเป็นเพียงโรคปอดอักเสบลึกลับในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน นับตั้งแต่ต้นปี 2020 เป็นต้นมา แพทย์ในแนวหน้าทั้งหมดของศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลทั่วไต้หวันต่างได้รับคำเตือนอย่างเป็นทางการจากศูนย์ควบคุมโรคระบาด (CDC) ของไต้หวันให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบดังกล่าว โดยเริ่มใช้มาตรการเข้มข้นอย่างการคัดกรองและตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารเที่ยวบินต่างๆ ที่กลับจากอู่ฮั่น และส่งนักระบาดวิทยาไปยังอู่ฮั่นเพื่อตรวจสอบและเก็บรวบรวมข้อมูลการระบาดของไวรัสชนิดนี้ 

 

รัฐบาลไต้หวัน โดยเฉพาะ ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน ต่างพยายามควบคุมและกระจายหน้ากากอนามัยให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ต่างๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนหรือหน้ากากมีราคาสูงมากจนเกินไป พร้อมทั้งปรับปรุงระบบต่างๆ เพื่อรับมือกับวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ หลังการแพร่ระบาดผ่านมานานราว 1 ปี ไต้หวันมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 800 ราย เสียชีวิต 7 ราย นับเป็นหนึ่งในชาติที่ได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และประชาคมโลกที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ‘เริ่มก่อนจึงชนะ’ จึงเป็นประโยคที่สะท้อนภาพรวมแผนรับมือโควิด-19 ของไต้หวันได้เป็นอย่างดี 

 

โดยไช่อิงเหวินได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 รายชื่อบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดประจำปี 2020 ของนิตยสาร Time และรั้งอันดับที่ 37 ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกปี 2020 โดยนิตยสาร Forbes คาดว่าในปี 2021 ไปจนถึงปี 2024 จะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ท้าทายศักยภาพและความสามารถของเธอไม่น้อย

 

Photo: Pool / Getty Images

 

ซานนา มาริน นายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลกจากฟินแลนด์ เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศในช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมาด้วยวัยเพียง 34 ปี เธอเป็นแกนนำของรัฐบาลผสมที่ประกอบด้วย 5 พรรคการเมืองที่ล้วนแล้วแต่มีผู้หญิงเป็นผู้นำพรรคทั้งสิ้น โดยนับตั้งแต่สังคมตะวันตกเริ่มให้สิทธิของผู้หญิงในพื้นที่ทางการเมืองและเปิดโอกาสให้พวกเธอมีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ฟินแลนด์นับเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องความเท่าเทียมทางเพศมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั้น มารินก็ยังเดินหน้าสนับสนุนประเด็นความหลากหลายและความเท่าเทียมกันทางเพศในฟินแลนด์ต่อไป เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับพลเมืองทุกคนอย่างแท้จริง 

 

นอกจากความท้าทายที่มารินจะต้องพยายามหาจุดยืนร่วมกันภายใต้ความแตกต่างของพรรคและอุดมการณ์ทางการเมืองในการขับเคลื่อนประเทศแล้ว วิกฤตโควิด-19 ก็ท้าทายการบริหารจัดการของผู้นำหญิงที่อายุน้อยที่สุดอยู่ไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วฟินแลนด์ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับเสียงชื่นชมจากแผนรับมือโควิด-19 ไม่ต่างจากเยอรมนี นิวซีแลนด์ และไต้หวัน โดยในปี 2021 จะเป็นอีกปีที่มารินผลักดันและสนับสนุนนโยบายเกี่ยวกับกลุ่มเพศชายขอบในสังคม (Gender Minorities) พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพลเมืองให้ดียิ่งขึ้น

 

Photo: Jim Watson / AFP

 

คามาลา (กมลา เทวี) แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกาที่กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองอเมริกัน หลังจากที่ โจ ไบเดน และเธอชนะการเลือกตั้งครั้งสำคัญ มีชัยเหนือ โดนัลด์ ทรัมป์ และไมค์ เพนซ์ แฮร์ริสกลายเป็นภาพตัวแทนของความหลากหลาย เป็นส่วนผสมอันลงตัวของ ‘ความฝันอเมริกัน’ (American Dream) ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในสังคมอเมริกัน เธอทลายเพดานแก้วที่ผู้สมัครหญิงจากเดโมแครตอย่าง ฮิลลารี คลินตัน เมื่อปี 2016 รวมถึง เจรัลดีน เฟอร์เรโร ผู้สมัครชิงรองประธานาธิบดีเมื่อ 36 ปีก่อนที่ทำไม่สำเร็จ

 

จากอัยการเขตหญิงคนแรกของซานฟรานซิสโก เดินหน้าสู่การเป็นอัยการสูงสุดหญิงคนแรกของรัฐแคลิฟอร์เนีย ขยับเข้าสู่การเป็นวุฒิสมาชิกหญิงอินเดียน-อเมริกันคนแรกของสหรัฐฯ และเธอกำลังจะก้าวขึ้นสู่การเป็น ‘ผู้หญิงคนแรก’ ‘คนผิวดำคนแรก’ และ ‘คนเชื้อสายเอเชียใต้คนแรก’ ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำเบอร์สองของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา โดยเธอได้เปิดประตูแห่งความฝันและเป็นตัวอย่างให้แก่เด็กๆ ที่มีความฝันที่อยากจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำระดับสูงเช่นเดียวกับเธอ แฮร์ริสกล่าวว่า “ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่อยู่ตรงจุดนี้ในทำเนียบขาว แต่ฉันจะไม่ใช่คนสุดท้าย” 

 

โดยแฮร์ริสและไบเดนได้รับเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2020 ชัยชนะของพวกเขาทั้งคู่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับประชาคมโลกเป็นอย่างมาก ปี 2021 นี้จะเป็นปีเริ่มต้นบทพิสูจน์ศักยภาพครั้งสำคัญของสตรีเพศในรัฐบาลที่ทรงพลังที่สุดในโลก โดยแฮร์ริสและไบเดนเตรียมก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2021

 

 

 

โลกในปี 2020/2021 ยังคงเป็นโลกที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งสำคัญระดับประเทศเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้หญิงนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รวมถึงตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในทางการเมือง เช่น ที่ปรึกษาประเทศและผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษ รวมแล้วอย่างน้อย 28 คนที่บทบาทของพวกเธอจะมีอิทธิพลและสร้างแรงกระเพื่อมต่อประชาคมโลกไม่มากก็น้อย

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 

ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising