×

16 Hours in Manila: เมืองที่ใครๆ ก็ขู่ว่าน่ากลัว!

25.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ไหนๆ ก็มีโอกาสได้ไปเยือนเมืองหลวงของประเทศเพื่อนบ้านร่วมภูมิภาคอย่าง ‘ฟิลิปปินส์’ ที่ชื่อ ‘มะนิลา’ สักครั้งแล้ว เราจึงขออนุญาตร้องบทเพลง ‘อาเซียนร่วมใจ อาเซียนเรามาร่วมใจ’ แล้วเที่ยวไปพร้อมๆ กันในย่านต่างๆ และนี่คือ 16 ชั่วโมงที่ยอดเยี่ยม และยอดแย่ในคราวเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ!

 

“มะนิลาหรอ หล่อนระวังนะ เพื่อนฉันเพิ่งโดนปล้นตอนไปมาล่าสุด”

“เดินอยู่แค่ย่านที่เขาให้เดินนั่นแหละ ไม่ต้องทำตัวเป็นนักสำรวจ”

“คิดดูดีๆ อีกทีดีไหม?”

“ฟังๆ ดูแล้ว ดูไม่น่าไปเนอะ”

 

 

ผมได้แต่งุนงงและสงสัยว่าทำไมผมจึงได้คำตอบที่ทำให้รู้สึกชักไม่อยากจะไปเที่ยวที่นี่สักเท่าไรแล้ว หลังจากผมเริ่มถามไถ่จากเพื่อนๆ พี่น้องที่เคยมีประสบการณ์กับเมืองหลวงของประเทศเพื่อนบ้านร่วมภูมิภาคอย่าง ‘ฟิลิปปินส์’ ที่ชื่อ ‘มะนิลา’

 

แต่ไหนๆ ก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวสักครั้งแล้ว เราจึงขออนุญาตร้องบทเพลง ‘อาเซียนร่วมใจ อาเซียนเรามาร่วมใจ’ ไปพร้อมๆ กันในย่านยอดฮิตต่างๆ เพราะนี่คือ 16 ชั่วโมงที่ยอดเยี่ยมและยอดแย่ในคราวเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ!

 

 

10.00: Let us love it, it is ours.

ใครเขานอนตื่นเช้ากันเหรอ? ไม่ใช่ผมคนหนึ่งแน่ เพราะวันนี้ผมตั้งใจจะตื่นสายๆ บิดส่ายเร้ากายขี้เกียจไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในหัวพลางคิดแพลนช่วงสายวันนี้ซึ่งคงจะหนีไม่พ้นการเดินหาคาเฟ่เก๋ๆ สั่งกาแฟรสเยี่ยมมาดื่ม และเราก็เดินทางไปตามคำบอกของเพื่อนที่ว่า ในย่านมากาติ (Makati) นั้นมีร้านที่โอเคอยู่สองร้าน “น่าจะดัดจริตพอๆ กับเธอ” เพื่อนผมกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะส่งชื่อร้านมาให้

 

มากาติเป็นย่านขนาดใหญ่ย่านหนึ่งจากสิบหกย่านของเมืองมะนิลา เป็นเมืองที่ค่อนข้างเจริญเติบโตมากๆ เสมือนเอาถนนออร์ชาร์ดของสิงคโปร์มาตั้งไว้ ตกแต่งด้วยสวนลุมพินีบ้านเรา ก่อนจะวาง SM Mall ขนาดใหญ่มากๆ สามตึกไว้กลางเมือง ไร้เสาไฟฟ้า ฟุตปาธกว้าง จนผมเองก็เริ่มเอะใจว่าคำขู่ทั้งหลายจะเป็นเพียงคำโกหก เพราะเราสัมผัสถึงบ้านเมืองแสนโก้ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาแต่งตัวสวยหล่อเดินสวนกันไปมา แต่ที่ผมดูจะหลงรักที่นี่มากหน่อยคงจะเป็นต้นไม้ที่ปลูกใหญ่โตเยอะแยะไปทั่ว ดูมีชีวิตชีวากว่ากรุงเทพฯ เป็นไหนๆ (ถึงแม้เราเกือบจะนิยามการเดินทางด้วยรถยนต์บนท้องถนนละแวกนี้ว่าเป็น ‘โศกนาฏกรรมโรงใหญ่’ ที่ทั้งวุ่นวาย เสียงดัง และจอแจ-ด้วยเสียงแตรที่ดังทุกๆ 2 วินาที)

 

แพลนของผมคือการเดินเท้าขึ้นไปทางชานเมืองนิดๆ เพื่อไปพบกับร้านบรันช์แสนเก๋ที่น่านั่ง แต่ก็นั่นแหละ ความน่าสนใจของมะนิลาเริ่มชกหมัดใส่ผมอย่างไม่ยั้ง เพราะเพียงแค่ข้ามแยกถนนเดียวมาจากถนนหรูหราเหล่านั้น ผมพบว่ามันช่างแตกต่างกันเหลือเกินราวฟ้ากับเหว

 

 

ความน่าสนใจของเมืองเมืองนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘ความแตกต่างทางชนชั้น’ เพราะย่านที่รวยก็จะรวยสุดขีด ย่านที่จนก็จะจนสุดขีดเช่นกัน แต่ความน่าสนใจคือมันสลับกันไปมาอยู่ทุกบล็อกถนน และถึงแม้ว่าล่าสุดเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์จะเติบโตขึ้นถึง 6.8% ในไตรมาสที่สองของปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมาจากการเกษตรนอกเมือง แต่ตัวเลขเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยลดช่องว่างของสองวิถีชีวิต และไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันสุดขั้วนี้เลยแม้แต่น้อย

 

 

เราเริ่มบรรเลงมื้อบรันช์กันที่ร้าน Commune คาเฟ่สีขาวสบายตา โดดเด่นด้วยตัวร้านที่เป็นกระจกตั้งท้าลมแดดอยู่ตรงหัวมุมซอย Polaris กาแฟและอาหารของที่นี่ไม่ควรพลาด ควบรวมรสจัดจ้านของเอเชียไว้กับกระบวนการปรุงอาหารแบบตะวันตก ทั้งอบและย่าง อ่อ ขนมหวานของเขาก็อร่อยนะ! ส่วนอีกร้านที่เราเดินไปลองก็คือ Bean & Yolk คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดอีกแห่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน สั่งช็อกโกแลตร้อนสักแก้วสิ เพราะเขาลอยมาร์ชเมลโลมาให้ด้วยด้านบน น่ารักและกลมกล่อม!

 

ถึงแม้จะเต็มไปด้วยโฮมเลสและตรอกซอกซอยที่ไม่น่าไว้วางใจในการเดินเท้า

แต่แค่มีคาเฟ่ดีๆ เราก็หลงรักมะนิลาได้ไม่ยากหรอก จริงไหม? และเราก็ยังรู้สึกดีที่ร้านสองแห่งนี้เป็นเสมือนจุดปักหลักของเหล่านักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา ให้เราได้ซ้อมเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่

 

14.00: iPhone, Do you want it?

ที่มะนิลาถือว่าเป็นเมืองที่สะดวกสบายในแง่การค้าขาย เพราะถ้าคุณเกิดอยากได้ไอโฟนใหม่ขึ้นมา คุณก็ย่อมหาซื้อได้ในราคาที่ผมเดาว่าย่อมเยา ไม่ใช่เรื่องตลก แต่ระหว่างที่เรากำลังเดินเล่นอยู่ในย่านเมืองเก่าที่ชื่อ อินทรามูรอส (Intramuros) เราเกือบได้โทรศัพท์เครื่องใหม่แล้ว!

 

มะนิลาใช่ว่าจะไม่มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ต้องเข้าใจก่อนว่าพื้นเพเดิมของชาวฟิลิปปินส์นั้น ถูกปกครองโดยประเทศสเปนในยุคล่าอาณานิคม ก่อนจะถูกโยนลูกไปมาอย่างกับเตะฟุตบอล จากการถูกเข้าโจมตียึดครองโดยอังกฤษ ก่อนจะกลับไปเป็นของสเปน แล้วจู่ๆ ก็วนกลับมาเป็นอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาอย่างหน้าตาเฉย

 

 

ในย่านเมืองเก่าที่ชื่ออินทรามูรอสนั้นประกอบไปด้วยมหาวิหารที่สวยงาม โบสถ์เก่า และป้อมปราการขึ้นตะไคร่สีสวยน่าดูชม ซึ่งผมเองก็เลือกเดินชมเพียงแค่ Manila Cathedral หรือ มหาวิหารมะนิลา ซึ่งใหญ่! ย้ำว่าใหญ่มาก และสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

ความโดดเด่นของวิหารนั้นคือกระจกสีที่เปล่งประกายสีสันสวยงามเมื่อยามต้องแสงแดด รวมไปถึงโถงโดมที่ใหญ่โต ส่วนปีกย่อยของวิหารในมุมต่างๆ ก็ประดิษฐ์รูปปั้นของพระเยซูและบุคคลสำคัญในไบเบิลเอาไว้ในหลากหลายอิริยาบถ

 

ความสวยงามและความประทับใจทั้งหมดพังทลายลงเอาดื้อๆ เพียงแค่ก้าวลงจากวิหารได้ยังไม่เต็มส้นดี จู่ๆ ผมก็โดนคนท้องถิ่นจำนวนหนึ่งคนบุกเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือเขา ในใจเพียงชั่ววินาทีก็คิดได้ว่า ‘ไม่มีดพก ก็ปืนล่ะวะ’ ยังไม่ทันจะตกใจได้ที่ ตาผมก็ไปประสานกับโทรศัพท์มือถือสีโรสโกลด์มันวาวในมือของเขา ผิดคาด…

 

“iPhone…?”

บุรุษท่านนั้นถามผมอย่างกระซิบกระซาบ

“ตบใครมาหรือเปล่า?”

ผมถามเป็นภาษาไทย ก่อนจะรีบชิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วที่สุด แน่นอนว่าเขาเดินตาม เขาจะตามตื๊อคุณจนกว่าคุณจะวิ่งหนีหรือเดินเร็วจนลับสายตาคุณไป เพราะฉะนั้นจดสิ่งนี้ลงไปในไกด์บุ๊กทุกเล่มของมะนิลาว่าไปย่านเมืองเก่า “อย่าคุยกับคนแปลกหน้า”

 

อาจฟังดูเหมือนเหยียดพวกเขาหรือเปล่า ก็บอกว่าไม่ แต่เพราะเรากลัวหรือเปล่าก็ตอบว่าใช่ ก็ใครอยากจะเที่ยวแบบเสี่ยงชีวิตล่ะ จริงไหม? เราขอเรียกว่าความเข้าใจดีกว่า เพราะว่าหากเราเข้าใจก่อนว่าสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ของที่นั่นเป็นอย่างไร ปลอดภัยแค่ไหน เราก็จะได้ปฏิบัติตัวและดูแลตัวเองกันอย่างถูกวิธี

 

แต่ไม่ต้องกลัวขนาดขึ้นสมองล่ะ เพราะสถาปัตยกรรมของมหาวิหารมะนิลา ช่วยเยียวยาความรู้สึกได้มาก ถึงข้างนอกจะน่ากลัว แต่ข้างในก็สวยประหนึ่งเป็น มารายห์ แครีย์ (Mariah Carey) โอดครวญเพลง Through the Rain ในช่วงท้ายเอ็มวีเลยละคุณ!

 

18.00: A Salt Within A Salt

หิวแล้วเราควรกินอะไรดี? ประเทศเป็นเกาะแบบนี้ก็ต้องลองสั่งอาหารทะเลสิ มันต้องเด็ดและขึ้นชื่อแน่นอน! ผมมั่นใจอย่างนั้น ผมจัดแจงมุ่งหน้าตรงไปยังร้านอาหารทะเลเก๋ๆ สักร้านในย่านปาเซย์ (Pasay)

 

“เลือกร้านแมสๆ หน่อย แบบที่มีแฟรนไชส์นะ จะได้เซฟๆ”

 

คำแนะนำที่แสนมีประโยชน์ทำให้ผมจิ้มหมุดไว้ที่ Seafood Island Northshore Grill ร้านอาหารซีฟู้ดริมทะเลชิลล์ๆ ที่ไร้ซึ่งลมและชายหาด เอาเถอะ เราเริ่มลองสั่งอาหารมาทานทีละอย่างๆ ความน่าสนใจของร้านนี้คืออาหารทุกจานนั้นเสิร์ฟมาอย่างอลังการดาวล้านดวง แบบที่พี่ไก่-วรายุฑ อาจน้อยใจในทีมโปรดักชันตัวเอง ทั้งปลาตัวเขื่องที่กริลล์มาบนไม้ขนาดใหญ่ ใหญ่ขนาดที่ไก่ย่างในหนังอาหลองอาจต้องยอมแพ้ไป รวมไปถึงสารพัดของเคียงที่ไม่น่ามาอยู่ร่วมกันได้อย่าง มะม่วง แตงโม หอมแดง หรือหมี่กรอบ!

 

 

“เค็ม”

จริงๆ มีคำหยาบพ่วงท้ายด้วยเมื่อสัมผัสแรกเข้าถึงลิ้น เพราะมันเค็มมากจริงๆ ปลาก็เค็ม กุ้งก็เค็ม ปูก็เค็ม หมี่กรอบยังเค็มเลย ซึ่งถ้าแตงโมและมะม่วงที่เคียงมายังเค็ม สงสัยคงต้องไปหาหมอให้ดูไตเดี๋ยวนั้นเลย!

 

คนที่นี่มักจะทำอาหารรสชาติติดเค็มกันเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นข้อแนะนำง่ายๆ ในการกินอาหารฟิลิปปินส์ หากคุณมีข้าว คุณต้องนำซอสที่เขามีให้คลุกลงไปด้วย เช่น ซอสเผ็ด ซอสหวาน หรือซอสน้ำส้มสายชู เสร็จแล้วจึงค่อยนำเนื้อสัตว์ที่อยู่ในจานหลักทานคู่กัน บางทีต้องใช้อินเนอร์คนท้องถิ่นบ้าง เขาให้อะไรมาก็ลองชิมไปทุกอย่างนั่นแหละ ชอบก็กิน ไม่ชอบก็ไม่ต้องกิน เวิร์กสุด!

 

23.00: Adventurous Nightlife

ตกดึกคือเวลาที่น่าดูชม เพราะมะนิลาเขาใช้ชีวิตกลางคืนกันสุดเหวี่ยงจริงๆ! อันนี้คอนเฟิร์มจากเวลาที่หลายๆ ผับหลายๆ บาร์นั้นให้บริการ บ้างก็ปิดตอนเที่ยงคืน บ้างก็ตีสอง บางที่ก็โต้รุ่งไปเลย! ลบภาพจำผิดๆ ที่ว่าเมืองนี้น่ากลัวไปได้เลย เพราะพวกเขามีแหล่งเที่ยวเด็ดๆ และปลอดภัย (ถ้าคุณดูแลตัวเองดี) ที่เราควรไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง

 

 

ระหว่างที่เราเดินสำรวจย่านเที่ยวกลางคืนของเขาอยู่นั้น เราก็จะพบกับหญิงสาวมากหน้าหลายตาริมถนน บรรยากาศที่คุ้นเคยมากๆ ตอนอยู่กรุงเทพฯ พวกเธอเหล่านั้นจะชี้ชวนคุณด้วยคำสั้นๆ สองพยางค์ว่า ‘Massage?’

 

“No, I’m gay.”

ใช่ ผมตอบพวกเธอ ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อความสบายใจของตัวเอง

 

นอกเหนือจากพี่ๆ นักนวดแล้ว มะนิลาซ่อนบาร์ชั้นยอดไว้บาร์หนึ่งซึ่งติดอยู่ในลิสต์ของ Asia’s Best 50 Bars 2017 ด้วย ฉากหน้าของเขาเป็นร้านกาแฟ แต่พอพ้นประตูทึบสีดำเข้าไปด้านหลังคุณจะพบกับ Speakeasy Bar ที่น่านั่งมากๆ บาร์นี้ชื่อ ‘The Curator’ มองไปคลับคล้ายคลับคลากับ ‘Locker’s Room’ ที่ทองหล่อเหมือนกัน รสชาติที่อยากให้คุณลิ้มลองคือเหล่าค็อกเทลที่มีส่วนผสมของเหล้านมซึ่งเสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงแบบมิลก์เชก ก็ดูขัดกับลุคเคร่งขรึมของร้านมากทีเดียว

 

หรือถ้าคุณไม่ใช่สายนั่งสวยๆ เราแนะนำย่านกาลายาน (Kalayann Street) นึกภาพของข้าวสาร ซอยคาวบอย และพัทยาวอล์กกิ้งสตรีทรวมอยู่ด้วยกันในที่เดียว คุณจะพบกับบาร์ที่ประดับไฟนีออนดัดหลากสีแสบตาน่าขนลุกอยู่ทั้งถนน แต่บอกตรงๆ ว่าไม่กล้าเอามือถือขึ้นมาถ่ายภาพ กลัวโดนฉกไปแบบไม่รู้ตัว! และถ้าดริงก์ๆ อยู่ได้ยินเสียงปืนดังไกลๆ หรือเสียงหวอตำรวจก็ไม่ต้องตกใจไป เรื่องปกติ

 

FYI
  • ค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์ และค่าครองชีพของที่นี่ถูกมาก การจับจ่ายใช้สอยในเรื่องช้อปปิ้งของแบรนด์ทั้งหลายถูกอย่างไม่น่าเชื่อ!
  • ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะใดๆ ทั้งนั้น เพราะ Uber และ Grab ที่นี่เยอะ เป็นมิตร และราคามิตรภาพ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ยอดเยี่ยม
  • แต่คุณต้องจำไว้เสมอว่า ถ้าไปเที่ยวมะนิลาแล้วจะบินกลับประเทศไทยเรา คุณต้องปักหมุด Uber หรือ Grab ที่เทอร์มินัลหมายเลข 3 เท่านั้น เพราะสายการบินแห่งชาติอย่างการบินไทยลงที่นั่น ส่วนเทอร์มินัล 1 นั้นส่วนใหญ่เป็นไฟลต์บินในประเทศฟิลิปปินส์ เช็กให้ดี อย่าไปผิดเทอร์มินัล
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising