วายแอลจีปรับเป้าหมายราคาทองคำปี 2566 ใหม่ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังรับปัจจัยหนุนนักลงทุนกังวลวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐฯ และยุโรปอาจไม่จบง่าย ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เติมเงินสู่ระบบ และมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยน้อยลง ซึ่งได้ดันให้ทองคำทะยานทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมแนะนำให้จับตาการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้ หากเกิดขึ้นจริงจะดันให้ราคาทองคำขึ้นทดสอบ 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำในประเทศมองกรอบ 33,800 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณจากค่าเงินบาท 34.40 บาทต่อดอลลาร์) แนะเติมทองคำในพอร์ตลงทุน 5-10% ของพอร์ตรวม
ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 21 มีนาคม ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 7.85% จากที่เปิดตลาดประมาณ 1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาทำระดับสูงสุดของปีที่ 2,009 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นการทำราคาสูงสุดใหม่ทุกวันนับจากวันศุกร์ที่ผ่านมา และเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับจากเดือนเมษายน 2565 และถือว่าเข้ามาใกล้จุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์
โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการกลับเข้ามาเติมเงินสู่ระบบของ Fed หลังจากเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ และลุกลามมาสู่ยุโรป ซึ่งปัจจัยนี้ยังส่งผลให้นักลงทุนจับตาดูธนาคารแห่งอื่นๆ ที่เผชิญปัญหาเดียวกัน อาจจะมีมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ว่า Fed และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ จะออกมาตรการให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่เติมสภาพคล่องสู่ระบบ แต่ธนาคารท้องถิ่นของแต่ละรัฐมีจำนวนมาก จึงทำให้นักลงทุนยังมองว่ามีความเสี่ยง
ดังนั้นสินทรัพย์ปลอดภัยโดยเฉพาะทองคำจึงมีแรงซื้อเข้ามา นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ว่า Fed จะชะลอความแข็งกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็เริ่มเข้าซื้อทองคำ จึงหนุนให้ทองคำพุ่งอย่างแข็งแกร่ง
จากปัจจัยเหล่านี้ วายแอลจีได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำจากต้นปีที่ประเมินไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้ หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้น เพราะราคาทองคำปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว มีโอกาสเจอแรงขายทำกำไรแถวๆ 2,075-2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม หากต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลงแถวๆ 1,804-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป็นเงินไทยประมาณกรอบแนวรับ 29,350-29,100 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 33,800 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าราคาทองคำจะเป็นทิศทางแกว่งตัวสู่ขาขึ้น แต่วายแอลจียังคงแนะนำสัดส่วนการลงทุนทองคำที่ดี ควรมีทองคำ 5-10% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม โดยไม่แนะนำให้ไล่ราคาเพราะทองคำขึ้นมาใกล้จุดสูงสุด อาจจะมีแรงขายทำกำไรได้
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถลงทุนทองคำผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะการลงทุนใน Gold Online Futures ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘ทองคำ’ กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และอาจกลายเป็น ‘ทางรอด’ ของประเทศที่ถูกควํ่าบาตร
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- แบงก์ชาติจีน ‘ตุนทองคำเพิ่ม’ เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน หลังกลับมาซื้อครั้งแรกรอบ 3 ปี