เมื่อโลกเปลี่ยนมาจนถึงจุดที่เราแทบจำโลกแบบเดิมที่เคยคุ้นไม่ได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เรามักจะอยากหยุดพักแล้วมองย้อนกลับไปข้างหลังเพื่อทบทวนดูเส้นทางที่ผ่านมาและไม่อาจหวนคืนกันบ้างไม่มากก็น้อยอย่างไรก็ตามมีอยู่หลายเรื่องที่ต้องยอมรับกันอย่างเต็มปากเต็มคำและเต็มหัวใจว่าการเปลี่ยนแปลงได้นำมาซึ่งสิ่งที่เราใฝ่ฝันถึงแต่ขณะเดียวกันมันก็พลัดพรากเปลี่ยนรูปเปลี่ยนรอยสิ่งที่เราเคยมีและเคยเป็นอย่างมากมายเหลือเกิน
ถ้าพูดถึงเพลงวันนี้เรามีสิ่งที่เรียกว่าบริการฟังเพลงแบบสตรีมมิงจากโทรศัพท์มือถือ สิ่งที่เราต้องจ่ายก็คือค่าสมัครสมาชิก เพื่อแลกกับการเข้าถึงคลังเพลงมหาศาลและความสะดวกสบายในแบบที่คนยุคก่อน (ก็ตัวเองนี่แหละ)แทบจะไม่เคยจินตนาการถึง ถ้าย้อนกลับไปสมัยผู้เขียนยังเป็นเด็ก ประสบการณ์การฟังเพลงไม่มีความสะดวกสบายแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ แต่แปลกตรงที่ตัวเอง ก็ไม่เคยคิดว่าความไม่สะดวกสบายเหล่านั้นคือความลำบากแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อได้ยินเพลงที่ชอบดังขึ้นในวิทยุก็ต้อง คอยตั้งใจฟังว่าดีเจเขาจะพูดชื่อเพลงอะไร (บางครั้งถึงกับนั่งจด) แล้วก็ไปตามหาเพลงที่ว่าตามแผงเทป วันดีคืนดีจำชื่อเพลงไม่ได้ แต่พอจำทำนองได้ ก็ไปยืนฮัมเพลงให้คนขายฟัง ร้องก็ไม่ค่อยจะถูกคีย์หรอก แต่คนขายก็พอจะเดาได้จากเนื้อเพลง (แต่ในใจคงนึกด่าว่านี่ร้องเพลงหรือสวดมนต์ทำวัตรเช้า) เชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่น่าจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ เพราะถ้าไม่รู้ชื่อเพลง แอปฯ อย่าง Shazam ก็ช่วยเราได้ พอรู้ชื่อเพลงโปรดแล้ว ก็แค่เข้าไปฟังและโหลดลงเครื่องเป็นอันจบ
สมัยหนึ่ง การซื้อเทปหรือข้ามมาถึงยุคของการซื้อแผ่นซีดีของศิลปินที่ชอบแล้วมานั่งคลี่อ่านปกที่พิมพ์เนื้อเพลงไว้ เป็นช่วงเวลา ที่เพลินจนไม่อยากให้มันผ่านไป หรือการนั่งฟังวิทยุแล้วลุ้นว่าดีเจจะเปิดเพลงที่ชอบหรือเปล่าก็สนุกจนกลายเป็นคนติดวิทยุชนิดที่ว่า ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องมีวิทยุไว้ข้างกาย ไม่นับช่วงที่กำลังชอบคนนั้นคนนี้แล้วต้องมานั่งเลือกเพลงอัดใส่เทปคาสเซตต์หรือไรต์ซีดี ให้อีกล่ะ นั่นก็เป็นกิจกรรมประจำยุคสมัยที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยผ่านการเลือกเพลง การออกแบบปกแบบทำมือ การลุ้นแบบใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าคนฟังจะชอบหรือเข้าใจสิ่งที่อยากสื่อสารหรือเปล่า ก็พาเอาไม่เป็นอันหลับอันนอน ป่านนี้ไม่รู้เทปหรือซีดีเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว ผู้คนที่เราเคยอยากให้ฟังเพลงที่เราเลือกให้ก็ห่างหายจากกันไปชนิดที่ว่าไม่รู้ที่อยู่และไม่รู้ที่ไป แต่ตัดกลับมาสมัยนี้ ชอบฟังเพลงไหน อยากให้ใคร ก็กดแชร์ไปได้เดี๋ยวนั้น จะส่งเพลงพร้อมเนื้อเพลงและภาพสวยๆ ก็ยังได้ ทุกอย่างทำได้แค่ปลายนิ้ว
กล่าวได้ว่า การฟังเพลงจากระบบสตรีมมิงถือเป็นเรื่องที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้เขียนไปมากที่สุด และกระทบกับภาพความทรงจำเก่าๆ มากที่สุดด้วย อาจเป็นเพราะผูกพันกับการฟังเพลงมากกว่ากิจกรรมอื่นๆ ในชีวิต พูดไปก็จะหาว่าเชย แต่เมื่อไรที่พูดถึงเพลง และวิถีของการฟังเพลง Yesterday Once More ของ The Carpenters ก็มักจะเป็นเพลงแรกที่ดังขึ้นมาในห้วงความทรงจำ
“When I was young I’d listen to the radio. Waiting for my favorite song. When they played I’d sing along, It made me smile”
เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้การค้นหาเพลงที่เราอยากฟังไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เราสามารถฟังเพลงได้เดี๋ยวนี้ โดยแทบไม่ต้องผ่านการรอคอย แต่เพลงที่อยู่ในความทรงจำ เพลงที่ไม่สามารถลืมได้ เราก็ยังคงลืมไม่ได้ต่อไป ไม่ว่าเทคโนโลยีจะล้ำไปไกลแค่ไหน เพลงเหล่านั้นถือเป็นเพลย์ลิสต์ที่ฝังแน่นในชีวิต ที่แม้ไม่ได้ตั้งใจจะจัด ชีวิตก็จัดของมันเอง สิ่งที่เราต้องจ่ายไม่ใช่ค่าสมาชิก แต่เป็นความเจ็บแปลบที่ย้อนฟังได้แต่เพลง แต่ไม่อาจย้อนเวลาและผู้คนในวันก่อนเก่าให้กลับมาได้อีกเลย