×

สีจิ้นผิง-ปูตินประชุมทางไกล ขณะที่สงครามยูเครนทดสอบความเป็นหุ้นส่วนระหว่างจีนกับรัสเซีย

โดย THE STANDARD TEAM
31.12.2022
  • LOADING...
สีจิ้นผิง-ปูติน

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์วานนี้ (30 ธันวาคม) ขณะที่นักวิเคราะห์เฝ้าดูสัญญาณจากผู้นำจีนว่าอาจมีท่าทีที่อ่อนลงในการให้การสนับสนุนรัสเซีย ท่ามกลางสงครามในยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และในขณะที่จีนเผชิญกับการระบาดของโควิดอย่างรุนแรง

 

อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวว่า เขาคาดหวังว่าสีจิ้นผิงจะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างปักกิ่งกับมอสโก 

 

โดยก่อนการประชุม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน เปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นหลัก พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระดับภูมิภาคและความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ 

 

มอสโกและปักกิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์นั้น สีและปูตินประกาศว่าทั้งสองประเทศมีความร่วมมือแบบ “ไร้ขีดจำกัด” 

 

จีนปฏิเสธที่จะประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่กลับกล่าวโทษว่าความขัดแย้งดังกล่าวมีสาเหตุมาจาก NATO และสหรัฐฯ อีกทั้งจีนยังคงเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายสำคัญของรัสเซีย ในขณะที่มอสโกถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นในเวทีโลก

 

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือนของการทำสงคราม โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรทั้งสองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

 

แทนที่จะได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็วตามที่คาดไว้ การรุกรานของปูตินกลับหยุดชะงักลงด้วยความพ่ายแพ้มากมายในสนามรบ รวมถึงการขาดแคลนอุปกรณ์พื้นฐาน ทหารสูญเสียขวัญกำลังใจ ขณะที่พลเรือนจำนวนมากต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจในช่วงฤดูหนาวอันขมขื่น

 

“จีนอยากให้สงครามยุติลง” หยุนซุน ผู้อำนวยการโครงการจีนของ Stimson Center ในวอชิงตัน กล่าว

 

“สีจะพยายามเน้นย้ำให้ปูตินเห็นถึงความสำคัญของสันติภาพ” เธอกล่าว พร้อมกับเสริมว่า ในขณะที่รัสเซียเริ่มหมดความอดทนกับสงครามที่ไร้ความคืบหน้า จีนจึงมองว่า ถึงเวลาอันสมควรแล้วสำหรับการเจรจาสันติภาพ 

 

ด้านรองศาสตราจารย์อัลเฟรด วู จาก Lee Kuan Yew School of Public Policy แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า จีนเองก็มีท่าทีแยกตัวออกห่างจากรัสเซียมากขึ้น พร้อมยกตัวอย่างกรณีของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ที่แสดงทัศนะที่แข็งกร้าวต่อสงครามของรัสเซีย โดยถึงแม้ว่าอินเดียไม่ได้ประณามการรุกรานของมอสโกในทันที แต่โมดีกล่าวกับปูตินเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการทำสงคราม และเรียกร้องให้ผู้นำรัสเซียมุ่งสู่สันติภาพ

 

การเปลี่ยนแปลงท่าทีดังกล่าวของอินเดียหมายความว่า จีนยืนโดดเดี่ยวมากขึ้นในความสัมพันธ์กับรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สีต้องการเห็นการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว รศ.วูแสดงทัศนะ

 

นอกจากนี้ สถานการณ์ภายในประเทศของจีนเองก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเช่นกันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลให้ท่าทีของสีต่อปูตินแตกต่างออกไปในเวลานี้ ทั้งนี้ จีนกำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิดครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากการประท้วงระลอกใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนทั่วประเทศนำไปสู่การตัดสินใจยกเลิกนโยบาย Zero-COVID ในที่สุด

 

หยุนซุน จาก Stimson Center กล่าวเสริมว่า แม้ไม่เห็นด้วยในเรื่องสงคราม แต่จีนและรัสเซียมีความเห็นพ้องต้องกันทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสองประเทศเผชิญกับความตึงเครียดกับตะวันตก และผู้นำทั้งสองมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในเรื่องการจัดระเบียบโลกใหม่

 

“ผู้นำทั้งสองจะเน้นย้ำเกี่ยวกับความเป็นหุ้นส่วน ความร่วมมือ และสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น” ซุนกล่าว “สงครามสร้างความรำคาญให้กับจีนในปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีนในยุโรป แต่ความเสียหายไม่มากพอที่จีนจะละทิ้งรัสเซีย”

 

วูยอมรับเช่นกันว่าความสัมพันธ์เป็นรากฐานสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสามารถของจีนในการหากำไรจากสงครามยูเครน เนื่องจากการเข้าถึงน้ำมันของรัสเซีย

 

อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่า การประท้วงของจีน การระบาดของโควิด และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมา ทำให้สีอยู่ในสถานะที่เปราะบางมากขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงการสนับสนุนรัสเซียที่ลดน้อยลง

 

“เครื่องมือด้านนโยบายที่สีจิ้นผิงสามารถใช้สนับสนุนรัสเซียนั้นมีอยู่ค่อนข้างจำกัดในเวลานี้” วูกล่าว “ส่วนในทางการเมือง การสนับสนุนภายในประเทศที่มีต่อสีก็ลดลงอย่างมาก เทอมที่สามของเขาไม่ได้เริ่มต้นด้วยภาพที่สดใส”

 

ภาพ: Kremlin Press Office / Handout / Anadolu Agency via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising