เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 พฤศจิกายน) สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมให้ความสำคัญแก่ประเด็น ‘มนุษยชาติ’ และเผยเค้าโครงนโยบายเปิดประเทศชุดถัดไปของจีน
“โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจคือกระแสหลักทางประวัติศาสตร์ เฉกเช่นแม่น้ำสายใหญ่ของโลกา ไม่ว่าจะเป็นแยงซี ไนล์ แอมะซอน หรือดานูบ ซึ่งสายธารทุกสายต่างไหลเชี่ยวสู่เบื้องหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานกระแสซัดสาดของสายน้ำเหล่านี้” สีจิ้นผิงกล่าว
“เราล้วนต้องมุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน ไม่ควรวางประโยชน์ส่วนตนเหนือมวลมนุษยชาติ” เขากล่าว
ในสุนทรพจน์ สีจิ้นผิงยังได้นำเสนอโอกาสในการร่วมสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างผ่านความร่วมมือและนวัตกรรมเพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกัน
“เราจำเป็นต้อง ‘จับมือกัน’ มิใช่ปล่อยมือกันและกัน เราจำเป็นต้อง ‘ทำลายกำแพง’ มิใช่ ‘สร้างกำแพง’ เราจำเป็นต้องยืนหยัดต่อต้านลัทธิกีดกันทางการค้า (Protectionism) และลัทธิกระทำเพียงฝ่ายเดียว (Unilateralism) ทั้งยังจำเป็นต้องลดอุปสรรคทางการค้าอย่างต่อเนื่อง ผลักดันการปรับปรุงห่วงโซ่มูลค่าและห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ตลอดจนร่วมกันส่งเสริมความต้องการของตลาด”
สีจิ้นผิงยังเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันรักษาค่านิยมหลักและหลักการพื้นฐานของระบบการค้าพหุภาคี พร้อมส่งเสริมการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้านการค้าและการลงทุน
คำปราศรัยของสีจิ้นผิงยังระบุถึงมาตรการ 5 ประการของจีนที่มุ่งส่งเสริมการเปิดประเทศในระดับสูงยิ่งขึ้น อันได้แก่ การเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงโครงสร้างการเปิดประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ การเพิ่มความร่วมมือพหุภาคีและทวิภาคี และการผลักดันความร่วมมือภายใต้แผนริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง โดยยืนยันว่าจีนจะดำเนินการตามขั้นตอนที่วางไว้เพื่อลดภาษีและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม พัฒนาพื้นที่สาธิตเพื่อส่งเสริมการค้านำเข้าด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ นำเข้าสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงจากทั่วโลก และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อให้เป็นไปโดยมุ่งเน้นการตลาด อยู่ภายใต้ระเบียบกฎหมาย และมีความเป็นสากลยิ่งขึ้น
“สิ่งที่ผมอยากบอกทุกคนในวันนี้คือตลาดจีนเป็นตลาดกว้างใหญ่ที่ทุกคนควรมาค้นหาว่าตลาดนี้ให้อะไรแก่คุณได้บ้าง” สีจิ้นผิงกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- สำนักข่าว Xinhua