×

ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวสดใส! นักลงทุนคลายแรงกดดันหลัง ‘บอนด์ยีลด์’ ทรงตัว ชูหุ้น ‘ยุโรป’ เด่นสุด รับธีมเปิดประเทศ

18.05.2021
  • LOADING...
ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวสดใส! นักลงทุนคลายแรงกดดันหลัง ‘บอนด์ยีลด์’ ทรงตัว ชูหุ้น ‘ยุโรป’ เด่นสุด รับธีมเปิดประเทศ

ภาพรวมตลาดหุ้นหลักๆ ของโลกในวันนี้ (18 พฤษภาคม) ปรับขึ้นได้แทบจะทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียที่เพิ่มขึ้นกว่า 1% ในหลายๆ ตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวันเป็นตลาดที่ปรับขึ้นได้โดดเด่นมากที่สุด +5.16% รองลงมาคือตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น 2.09% ส่วนตลาดหุ้นที่ปิดลบในวันนี้คือ ฟิลิปปินส์ -0.62% 

 

ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปซึ่งเปิดทำการในช่วงบ่ายของไทย ต่างปรับตัวขึ้นได้เกือบทั้งหมดเช่นกัน โดยปรับขึ้นอยู่ในกรอบประมาณ 0.5-1% 

 

ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า การฟื้นตัวของตลาดหุ้นในเอเชียเป็นผลจากการที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ เริ่มกลับมาทรงตัว หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ปรับนโยบายการซื้อพันธบัตร โดยเน้นไปที่บอนด์ระยะยาว 7 ปี จึงประเมินว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ จะผันผวนลดลง 

 

สำหรับตลาดหุ้นไทย (SET) ฟื้นตัวกลับขึ้นมาในระดับนี้ สอดคล้องกับที่เราแนะนำไปก่อนหน้านี้ว่า ให้เริ่มกลับมาเก็งกำไรหุ้นไทยได้จากปัจจัยเรื่องบอนด์ยีลด์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,600 จุด เป็นระดับที่ควรขายทำกำไรออกมาก่อน เพราะหุ้นไทยยังมีปัจจัยกดดันจากการปรับน้ำหนักตาม MSCI ซึ่งลดน้ำหนักหุ้นไทยลง 0.1% 

 

“ดัชนีที่ขยับขึ้นไปใกล้ 1,600 จุด เรายังแนะนำให้ขาย เพราะมีประเด็น MSCI รออยู่ แต่การฟื้นตัวขึ้นมาของตลาด ทำให้เริ่มกลับมาเทรดดิ้งได้แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ปรับขึ้นมาล่าสุด จากประเด็นการประมูลรถไฟทางคู่” 

 

อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปรับฐานลงมาในช่วงที่นักลงทุนปรับพอร์ตตาม MSCI ช่วงสัปดาห์หน้า เชื่อว่าการปรับฐานไม่น่าจะรุนแรงมากนัก โดยประเมินความเสี่ยงไว้ราว 40-50 จุด 

 

ด้าน ศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ CIO Office บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าตลาดหุ้นโลกยังเป็นขาขึ้น แม้จะผ่านการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ตลาดเริ่มคลายความกังวล โดยเฉพาะเรื่องของโควิด-19 ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเยอะมาก และประเทศอย่างสหรัฐฯ ก็ประกาศว่าไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยอีกแล้ว 

 

ส่วนการปรับฐานที่ผ่านมาเป็นเพราะมูลค่าหุ้นที่แพง ทำให้ตลาดปรับฐานได้ในระยะสั้น ก่อนจะปรับขึ้นต่อจนกระทั่งทุกประเทศสามารถเปิดประเทศได้ตามปกติ แต่หลังจากนั้นต้องมาประเมินอีกครั้งว่า หลังจากหมดช่วงที่คนกลับมาใช้จ่ายสูงกว่าปกติ 3-6 เดือน เมื่อผ่านไปแล้วจะมีแนวโน้มอย่างไร 

 

“ส่วนตลาดหุ้นไทยอาจจะ Laggard จากตลาดหุ้นโลก เพราะเรายังมีปัจจัยกดดันจากเรื่องโควิด-19 ระลอกใหม่ และการกระจายวัคซีนช้า แต่ท้ายที่สุดแล้วเชื่อว่าจะตามขึ้นมาได้ โดยอาจจะเห็นการปรับขึ้นจริงจังช่วงไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ปีหน้า” 

 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปน่าจะเป็นโซนที่โดดเด่นในช่วงถัดจากนี้ โดยเฉพาะธีมเปิดประเทศ และการโยกย้ายเงินมาลงทุนในหุ้น Value ซึ่งมีอยู่ในยุโรปค่อนข้างมาก 

 

ส่วนบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ เชื่อว่าจะเป็นภาพของการค่อยๆ ปรับขึ้น และไปทดสอบระดับ 2% เพราะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้เร็ว แต่การเพิ่มขึ้นของบอนด์ยีลด์เป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้อยู่แล้วและได้เตรียมตัวมาระดับหนึ่ง หากเป็นการค่อยๆ ปรับขึ้น เชื่อว่าจะไม่กดดันต่อตลาดหุ้น 

 

“เชื่อว่าระยะยาวตลาดหุ้นยังอยู่ในขาขึ้น เว้นแต่ว่าจะมีปัจจัยอื่นเข้ามากดดัน เช่น การส่งสัญญาณ Tapering เร็วกว่าที่คาดไว้ ก็อาจจะเห็นตลาดหุ้นปรับฐานได้”

 

ขณะที่ Bloomberg รายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไต้หวันที่พุ่งขึ้น 5.2% เป็นการปรับขึ้นภายในวันเดียวมากที่สุดในรอบ 14 เดือน หลังจากที่รัฐบาลประกาศมาตรการควบคุมที่เข้มข้นสำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยปิดรับชาวต่างชาติไม่ให้เดินทางเข้าประเทศจนถึงวันที่ 18 มิถุนายนนี้ 

 

สำหรับกลุ่มหุ้นที่หนุนดัชนีตลาดหุ้นไต้หวันขึ้นมารอบนี้ นำโดย 2 หุ้น ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing +4.2% และ MediaTek +8.8% รวมถึงหุ้นในกลุ่มเหล็ก กระจก และขนส่ง ที่ปรับขึ้นโดดเด่น 

 

อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley ได้ปรับลดน้ำหนักหุ้นไต้หวันลงเป็น Underweight เพราะมองว่าราคาหุ้นยังอยู่ในโซนแพง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ประกอบกับตลาดหุ้นไต้หวันมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับดัชนี Nasdaq อีกด้วย 

 

ทั้งนี้ Morgan Stanley มองว่า นักลงทุนรายย่อยซึ่งมีสัดส่วนในตลาดหุ้นไต้หวันค่อนข้างมากในระยะหลังมีโอกาสที่จะชะลอการลงทุน หลังจากที่ตลาดหุ้นเผชิญความผันผวนอย่างมากในระยะหลัง รวมถึงความกังวลต่อการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 


พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising