คนทำงานรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance หรือการปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งล่าสุดนั้น Kisi ได้จัดอันดับ Work-Life Balance Index 2022 โดยพบว่า ‘กรุงเทพฯ’ รั้งอันดับที่ 96 จากผลสำรวจ 100 เมืองทั่วโลก
การสำรวจนี้เปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับความเข้มข้นในการทำงาน การสนับสนุนจากสถาบัน กฎหมาย และความสามารถในการดำรงชีวิต การศึกษาจัดอันดับเมืองตามความสำเร็จของพวกเขาในการส่งเสริมสมดุลชีวิตการทำงานกับพลเมืองของตน ในบริบทของภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง ผลกระทบจากการระบาดใหญ่ และสงครามในยูเครน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หมดยุค Work-Life Balance วิธีเต้นรำไปกับชีวิตและงานแบบ Work-Life Flow
- พูดออกมาได้! ‘งานหนักไม่เคยฆ่าคน’ เมื่อประชากรกว่า 745,000 คนทั่วโลก เสียชีวิตเพราะทำงานหนักเกินไป
- ผลวิจัยใหม่ Gen Z และ Millennials ยอม ‘ลาออก’ หรือ ‘ว่างงาน’ ถ้าต้องทำงานในบริษัทที่ ‘ไม่มีความสุข’
ซึ่ง Kisi เลือกที่จะศึกษาเพื่อเปรียบเทียบเมืองเดียวกันระหว่างปี 2021 และ 2019 ซึ่งการเลือกเมืองนั้นประกอบด้วย 51 เมืองในสหรัฐฯ และ 49 เมืองทั่วโลกที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก
การศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การทำงานหนัก (Work Intensity) สังคมและสถาบัน (Society and Institutions) และความสามารถในการดำรงชีวิต (City Liveability)
โดย 5 ดับดับแรกของเมืองที่มี Work-Life Balance ดีที่สุด ได้แก่
- กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์
- กรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
- เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
- เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
- เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
ขณะที่ 5 อันดับของเมืองที่มี Work-Life Balance แย่ที่สุด ได้แก่
100. เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
99. เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
98. กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
97. กรุงเซาเปาโล ประเทศบราซิล
96. กรุงเทพฯ ประเทศไทย
โดยอันดับของกรุงเทพฯ ถือว่าลดลงอย่างมาก จากที่เคยได้อันดับที่ 49 ในปีที่ผ่านมา แต่ได้อันดับที่ 96 ในปีนี้
อ้างอิง: