×

วิโรจน์ อภิปรายร่างงบประมาณปี 2565 ชี้หมกเม็ดเพิ่มงบซื้ออาวุธ ลดงบประมาณกรมควบคุมโรค

โดย THE STANDARD TEAM
31.05.2021
  • LOADING...
วิโรจน์-อภิปรายร่างงบประมาณ

วันนี้ (31 พฤษภาคม) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรกในวันแรก โดยระบุว่า การใช้เงินของรัฐบาลชุดนี้ก็ยังไม่มีสามัญสำนึก จัดลำดับความสำคัญไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรควรเร่งด่วน อะไรควรชะลอ อะไรควรจ่าย อะไรไม่ควรจ่าย 

 

วิโรจน์ย้ำว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าช้าเ พราะแทงม้าตัวเดียว เทียบกับเงินเยียวยา เราไม่ทิ้งกัน 390,000 ล้านบาท เราชนะ 210,000 ล้านบาท เรารักกัน 37,100 ล้านบาท พอการระบาดระลอกที่ 3 เกิดขึ้น ต้องเพิ่มงบให้เราชนะ เรารักกันอีก 85,500 ล้านบาท รวมกันแล้วเยียวยาไปกว่า 700,000 ล้านบาท เทียบกับวัคซีน ต่อให้ฉีดวัคซีน Pfizer แค่ 80,000 ล้านบาท หรืออย่างงบประมาณในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำ 142 แห่งทั่วประเทศ งบปี 2564 กำหนดเอาไว้แค่ 750,000 บาท เฉลี่ยแล้วเรือนจำแต่ละแห่งมีงบประมาณในการป้องกันการแพร่ระบาดเพียงแค่ 5,300 บาทต่อปี หรือเดือนละ 440 บาท สุดท้ายต้องมาเจอกับการระบาดที่คลัสเตอร์เรือนจำ นับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมจนถึงเมื่อวานนี้ที่เพิ่งมีการรายงาน มีผู้ติดเชื้อรวมกันไปแล้วถึง 24,300 ราย 

 

วิโรจน์ยังกล่าวถึงงบประมาณฉบับนี้แกล้งไปทำตัวเลขให้ภาพรวมลด แต่พอไปเจาะไส้ใน กลับซุกซ่อนโครงการที่น่าละอายอยู่เต็มไปหมด

 

กรณีงบกองทัพบก ปี 2565 ภาพรวมปรับลดงบประมาณลง 6,603 ล้านบาท ดูเหมือนจะดี แต่ในรายละเอียดอย่างโครงการเสริมสร้าง จัดหายุทโธปกรณ์ ปี 2564 มีงบอยู่ที่ 3,132 ล้านบาท พอมาปี 2565 กลับงอกเพิ่มขึ้นมา 1,805 ล้านบาท เป็น 4,937 ล้านบาท  

 

กองทัพเรือ ภาพรวมในปี 2565 ปรับลดลง 1,130 ล้านบาท แต่พอเจาะเข้าไปดูโครงการเสริมสร้างและจัดหายุทโธปกรณ์ ก็มีพฤติกรรมเดียวกัน ปี 2564 มีงบอยู่ที่ 533 ล้านบาท พอมาปี 2565 ถูกปรับเพิ่มขึ้น 873 ล้านบาท งอกมาเป็น 1,406 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณเสริมสร้างและจัดหายุทโธปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นของกองทัพบกและกองทัพเรือ เมื่อรวมกันแล้วเพิ่มขึ้นถึง 2,678 ล้านบาท ถ้าทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือจะเห็นแก่ประชาชน ไม่ใช่ห้ามไม่ให้จัดหา แค่ขอให้จัดหาเท่ากับปีที่แล้ว เงิน 2,678 ล้านบาทนี้ ก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มากมาย 

 

วิโรจน์กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลนำเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อวัคซีน Pfizer ก็จะซื้อได้ 4.4 ล้านโดส ฉีดให้กับประชาชนได้ 2.2 ล้านคน ถ้าซื้อวัคซีน AstraZeneca จะซื้อได้ 22 ล้านโดส ฉีดให้กับประชาชนได้ 11 ล้านคน เอาไปใช้ตรวจ RT-PCR เพื่อตรวจการติดเชื้อ ก็จะตรวจให้กับประชาชนได้ถึง 1 ล้านคน ซื้อชุด PAPR ให้คุณหมอ เพื่อให้คุณหมอได้ทำงานอย่างปลอดภัยได้ถึง 300,000 ชุด เอาไปซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ได้ 22 ล้านเม็ด สามารถเอามาช่วยชีวิตประชาชนที่หายใจเหนื่อยหอบอยู่ตรงหน้าได้ถึง 446,000 คน

 

“งบประมาณที่อ้างว่าปรับลดลงแล้ว ไม่ใช่ว่าดีแล้ว เพราะถ้าปรับลดแล้วยังมีงบที่ไม่ถูกกาลเทศะซุกซ่อนอยู่ก็ต้องปรับลดลงอีก ต้องถามตรงๆ แบบนี้ว่า พฤติกรรมแสร้งลดงบในภาพรวมเพื่ออำพราง แล้วไปแอบเพิ่มเพื่อซื้ออาวุธอย่างนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ งบแบบนี้ มีสามัญสำนึกหรือไม่ เพราะเห็นกันอยู่ว่าประชาชนเขาขาดวัคซีน ขาดเตียง ขาดยา ขาดเครื่องช่วยหายใจ ไม่ได้ขาดปืนใหญ่ ไม่ได้ขาดรถถัง ไม่ได้ขาดรถยานเกราะ ไม่ได้ขาดอาวุธสงคราม ถามจริงๆ ว่าไม่ซื้ออาวุธกันสักปีจะชักดิ้นชักงอกันหรืออย่างไร กองทัพถ้าจะทำเพื่อประชาชน ไม่ต้องไปสร้างภาพเอาน้ำยาไปพ่นตามโขดหิน ง่ายๆ ตรงๆ แค่ลดการซื้ออาวุธ ก็ช่วยเหลือประชาชนได้มากแล้ว” วิโรจน์กล่าว

 

วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า สำหรับงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นกระทรวงที่เป็นกลไกสำคัญในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และเป็นหน่วยงานที่ประชาชนคนไทยทั้ง 67 ล้านคนฝากชีวิตเอาไว้ ถ้าไปถามประชาชนว่าหน่วยงานไหนของกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ในสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประชาชนทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘กรมควบคุมโรค’ พอมาดูงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 กลับพบว่า กรมควบคุมโรคได้งบประมาณเพียง 3,565 ล้านบาท ในขณะที่งบปี 2564 อยู่ที่ 4,044 ล้านบาท ลดลง 479 ล้าน คิดเป็น 11.8% ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ พอเอาไปเทียบกับงบปี 2562 ที่ยังไม่เจอกับโควิด-19 ในปีนั้นกรมควบคุมโรคได้รับงบประมาณอยู่ที่ 4,036 ล้านบาท คืองบปี 2565 ที่กรมควบคุมโรคต้องไปสู้กับโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคระบาดระดับโลก แต่งบกลับน้อยกว่าปี 2562 ที่ยังไม่เจอกับโควิด-19 ถึง 470 ล้านบาท นี่เป็นการจัดงบประมาณที่ไร้สามัญสำนึกที่สุด เหมือนใช้เขาไปรบ แต่กลับไปยึดอาวุธเขา จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบุคลากรทางการแพทย์และข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขถึงได้รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ และส่งข้อความด่า ศบค. มาให้อ่านได้ทุกวี่ทุกวัน

 

วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า งบการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสในปี 2564 มีงบอยู่ที่ 604 ล้านบาท เพื่อดูแลเด็กด้อยโอกาส 33,528 คน ในปี 2565 ด้วยสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นจากโควิด-19 ทำให้มีเด็กด้อยโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 34,005 คน เด็กด้อยโอกาสเพิ่ม แทนที่จะเพิ่มงบ กลับถูกตัดงบไป 72 ล้าน เหลืองบอยู่ที่ 532 ล้านบาท ที่ตลกร้ายไปกว่านั้นก็คือ ในปี 2562 ที่ไม่มีโควิด-19 งบการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสอยู่ที่ 663 ล้านบาท ในปีนั้นเฉลี่ยแล้วเด็กด้อยโอกาส 1 คน จะได้รับงบประมาณ 18,438 บาท ปี 2565 เจอโควิด-19 ต้องเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำที่รุนแรง กลับมีงบแค่ 532 ล้าน เฉลี่ยแล้วเด็กด้อยโอกาสเหลืองบอยู่เพียงคนละ 15,657 บาท ลดลงคนละ 2,781 บาท งบแบบนี้ไม่เรียกว่าไร้สามัญสำนึกก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร 

 

ในส่วนงบด้านการป้องกันประเทศถูกปรับลดลง 10,383 ล้านบาท คิดเป็น 4.9% แต่งบสาธารณสุขและงบการศึกษากลับถูกปรับลดลงมากกว่า งบสาธารณสุขที่จำเป็นมากๆ ต่อชีวิตของประชาชนกลับถูกปรับลดลงถึง 37,207 ล้านบาท คิดเป็น 10.8% งบการศึกษาที่เป็นงบของอนาคตของประชาชน ถูกปรับลดลงถึง 26,524 ล้านบาท คิดเป็น 5.5% ประเทศที่ไม่ป้องกันชีวิตของประชาชน ไม่ให้ความสำคัญกับอนาคตของประชาชน แล้วจะป้องกันประเทศแบบนี้ไปเพื่ออะไร

 

ทั้งนี้ วิโรจน์กล่าวทิ้งท้ายว่า จากที่ได้อภิปรายไปทั้งหมด งบประมาณปี 2565 ภายใต้นายกรัฐมนตรีที่ไร้สามัญสำนึก อย่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นงบประมาณที่ไม่คำนึงถึงชีวิตของประชาชน ไม่มีความหวังให้กับอนาคตของชาติ ในสถานการณ์ที่ประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบาก ยังกล้าซุกซ่อนไปงบที่ไร้กาละเทศะไม่เห็นหัวประชาชนอยู่เต็มไปหมด เป็นงบประมาณที่ไร้สามัญสำนึก พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่าไม่อาจที่จะรับได้ และขอเรียกร้องรัฐบาลที่ไร้จิตสำนึกชุดนี้ลาออกไป อย่ามาอ้างว่าสถานการณ์ที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหาไม่ควรจะเปลี่ยนม้ากลางศึก แนะนำให้ลองก้มลงไปดูก่อน ถ้ารู้แน่ๆ ว่าที่ขี่อยู่ไม่ใช่ม้า ถ้าเปลี่ยนเป็นม้าได้เมื่อไรก็คุ้ม

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising