×

ทำไมคนประท้วงขับไล่เนทันยาฮู

โดย THE STANDARD TEAM
05.04.2024
  • LOADING...
ทำไมคนประท้วงขับไล่ เนทันยาฮู

ประชาชนจำนวนมากออกมารวมตัวตามท้องถนนตามเมืองต่างๆ ของอิสราเอลในสัปดาห์นี้ เรียกร้องให้ปล่อยตัวตัวประกันในฉนวนกาซา ขณะที่บางกลุ่มเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ลงจากตำแหน่งและจัดการเลือกตั้งใหม่

 

ความไม่พอใจของสาธารณชนต่อความล้มเหลวในการทำข้อตกลงแลกตัวประกันถึงจุดเดือดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม โดยมีการชุมนุมประท้วงทั่วอิสราเอล รวมถึงในเทลอาวีฟและเยรูซาเลม ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศนับตั้งแต่เริ่มทำสงครามกับกลุ่มฮามาสเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ เมื่อสมาชิกในครอบครัวของผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันเริ่มหันมาผนึกกำลังกับกลุ่มที่ประท้วงต่อต้านรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออก 

 

เอยัล นูรี ผู้ซึ่งป้าของเขาเคยเป็นหนึ่งในตัวประกันก่อนได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน บอกกับ TIME ทางโทรศัพท์ว่า เขามองว่านายกรัฐมนตรีอิสราเอลเป็นอุปสรรคต่อข้อตกลง “เราตระหนักว่าเนทันยาฮูคือปัญหา” เขากล่าว “ถ้าคุณเป็นผู้บริหารรัฐบาล คุณก็ต้องรับผิดชอบ”

 

เนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์ผ่านวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ว่า เขากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อการปล่อยตัวตัวประกัน “ใครก็ตามที่บอกว่าผมไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อนำตัวประกันของเรากลับคืนมานั้นเข้าใจผิด และกำลังทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ใครก็ตามที่รู้ความจริงแต่ยังพูดโกหกซ้ำซากกำลังสร้างความเจ็บปวดโดยไม่จำเป็นต่อครอบครัวตัวประกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว “ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมมุ่งมั่นที่จะนำพาตัวประกันทั้งหมดของเรากลับมา ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พลเรือนและทหาร ทั้งที่ยังมีชีวิตและร่างไร้วิญญาณ ผมจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแม้แต่คนเดียว”

 

โอฟีร์ ฟอล์ก ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุในแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อวันพุธว่า “การทำลายกลุ่มฮามาสและปล่อยตัวประกันไม่ใช่เป้าหมายที่แยกจากกัน ในทางกลับกัน ภารกิจเหล่านี้เสริมซึ่งกันและกัน” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า แรงกดดันทางทหารต่อกลุ่มฮามาสนำไปสู่การปล่อยตัวตัวประกันก่อนหน้านี้ “อิสราเอลจะยังคงทำสิ่งที่จำเป็นต่อไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการทำสงคราม” 

 

ข้อมูลจากสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่า ฮามาสจับประชาชนเป็นตัวประกัน 253 คนในระหว่างปฏิบัติการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ตัวประกัน 130 คนยังมีชีวิตอยู่ในฉนวนกาซา ขณะที่ 34 คนเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว สำหรับตัวประกันที่ยังรอดชีวิตอยู่นั้นประกอบด้วยผู้ชาย 111 คน และผู้หญิง 19 คน รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ 2 คน และชาวต่างชาติ 11 คน

 

นอกจากเผชิญกับแรงกดดันภายในประเทศแล้ว อิสราเอลกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศเพิ่มมากขึ้น จากกรณีทิ้งระเบิดตอบโต้ และการรุกรานฉนวนกาซา ซึ่งคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไป 32,850 คน ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขที่บริหารงานโดยกลุ่มฮามาส และเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์นานาชาติ  

 

ผู้ประท้วงต้องการอะไร?

 

ความต้องการหลักคือให้รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อนำมาซึ่งข้อตกลงแลกตัวประกันในทันที

 

“จะไม่มีชัยชนะหากเราไม่ได้ตัวประกันกลับคืนมา” กิล ดิกมันน์ ผู้ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขายังคงถูกจับเป็นตัวประกัน บอกกับ TIME ทางโทรศัพท์ว่า “ผมไม่สนใจการแก้แค้น ผมไม่อยากเห็นผู้คนทั้งสองฝั่งของชายแดนต้องล้มตาย สิ่งที่ผมต้องการเห็นคือตัวประกันกลับมา และชาวปาเลสไตน์ได้กลับบ้านไปยังที่ที่พวกเขาถูกขับไล่ออกไป”

 

เขากล่าวว่า “ความกดดันก่อตัวขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างระเบิดออกมาเพราะเราเหนื่อยกับการรอคอย” เขาและคนอื่นๆ กำลังรู้สึกกดดันด้วยความกังวลว่า การเจรจาระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในปัจจุบัน “อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ตัวประกันส่วนใหญ่กลับมาแบบรอดชีวิต เพราะทุกๆ วันที่ผ่านไป ชีวิตของพวกเขาอยู่ในความเสี่ยง”

 

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีการชุมนุมทุกสัปดาห์ในเทลอาวีฟโดยสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การทำข้อตกลงแลกตัวประกัน และอีกกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก แต่เมื่อวันเสาร์กลุ่มผู้ประท้วงสองกลุ่มหันมาผนึกกำลังกันเพื่อขับไล่เนทันยาฮู  

 

“เราเงียบและถูกสั่งให้เงียบมาครึ่งปีแล้ว แต่เราไม่ขอทนอีกต่อไป” เอฟรัต มาชิกาวา ผู้ซึ่งลุงวัย 80 ปีของเธอถูกจับเป็นตัวประกัน บอกกับ TIME ทางโทรศัพท์ “ฉันมีสมาชิกในครอบครัวที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และฉันเป็นพลเมืองที่รู้สึกกังวลอย่างมากกับระบอบประชาธิปไตยที่ถูกจำกัดสิทธิในการพูด ถ้าคุณไม่สามารถทำได้ก็ปล่อยให้คนอื่นทำ เขาคือคนที่ต้องถูกตำหนิ มันคือความล้มเหลว มันคือความล้มเหลวของเขา”

 

นูรีและมาชิกาวากล่าวว่า เนทันยาฮูกำลังทำให้การเมืองอยู่เหนือเรื่องอื่นที่ควรจะทำ โดยมาชิกาวาเสริมว่า เนทันยาฮูควรหลีกทางในฐานะผู้นำ  

 

อย่างไรก็ตาม ดิกมันน์กล่าวว่า เขาและครอบครัวอื่นๆ ยังคงไม่ให้ความสำคัญกับการเมือง “ผมไม่สนใจจริงๆ ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนี้ สิ่งที่ผมสนใจก็คือการได้ตัวประกันกลับมา”

 

เหตุใดการประท้วงจึงรุนแรงขึ้น?

 

สถานการณ์การประท้วงเริ่มรุนแรงขึ้นในวันเสาร์ โดยเฉพาะในกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอล เมื่อผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งจุดไฟที่บริเวณทางเข้ากระทรวงกลาโหม และอีกกลุ่มรวมตัวกันบนถนนสายหลักของเมือง

 

มาชิกาวากล่าวว่า ตำรวจปิดระบบลำโพงก่อนที่เธอจะพูด จากนั้นเธอก็เห็นเหตุการณ์วุ่นวายบนถนนใต้สะพานที่เธอยืนอยู่ “ฉันเห็นตำรวจผลักและแสดงความก้าวร้าวอย่างมากต่อทุกคนรอบตัว” เมื่อเธอลงจากสะพานเธอเห็นม้าสีดำตัวใหญ่เดินเข้ามา และมีคนตะโกนว่า “อย่าก้าวลงมาบนถนน คุณต้องออกไปจากที่นี่ นี่ไม่ใช่การประท้วงที่ได้รับอนุญาต” จากนั้นเธอจึงหนีไปด้วยความกลัว

 

ดิกมันน์กล่าวว่า ตำรวจแสดงความรุนแรงต่อครอบครัวของตัวประกันมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ “พวกเราส่วนใหญ่ไม่คาดคิด”  

 

นอกจากในเทลอาวีฟแล้ว ยังมีการประท้วงใหญ่ในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นในกรุงเยรูซาเลมในวันอาทิตย์ วันจันทร์ และวันอังคาร ตามรายงาน

 

ตำรวจอิสราเอลกล่าวถึงเหตุการณ์ประท้วงล่าสุดในเทลอาวีฟและเยรูซาเลมว่า “ตำรวจจำเป็นต้องแทรกแซงอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด เนื่องจากการละเมิดความสงบเรียบร้อยและข้อกังวลด้านความปลอดภัย” ขณะที่เผยว่า มีผู้ถูกจับกุม 17 คนในข้อหาก่อความวุ่นวายในเขตเทลอาวีฟเมื่อวันเสาร์ และตั้งแต่วันอาทิตย์มีผู้ถูกจับกุม 10 คนในข้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับการก่อความวุ่นวาย เช่น การจุดไฟบนถนน การใช้ดอกไม้ไฟ และจงใจทำลายรถจักรยานยนต์ของตำรวจ

 

ตำรวจอิสราเอลกล่าวด้วยว่า “ตำรวจอุทิศตนเพื่อความปลอดภัยของสาธารณะและความสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกันก็เคารพสิทธิของบุคคลในการแสดงความคิดเห็นอย่างถูกกฎหมาย”

 

“แม้ว่าตำรวจอิสราเอลจะยังคงอนุญาตให้มีการประท้วงที่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป เราจะดำเนินการกับความพยายามใดๆ ก็ตามที่ขัดขวางความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ เป็นอันตรายต่อชีวิตประจำวันในเมือง ยุยงให้เกิดความรุนแรง หรือฝ่าฝืนกฎหมาย เราจะป้องกันการยั่วยุ คำพูดแสดงความเกลียดชัง และพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ” แถลงการณ์ระบุ “แต่ละสถานการณ์ได้รับการประเมินเป็นกรณี โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความปลอดภัยของสาธารณะ และการปฏิบัติตามกฎหมาย ตำรวจมีอำนาจเข้าแทรกแซงเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งรวมถึงสลายการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและการจับกุม”

 

เมื่อวันพุธผู้ประท้วงตั้งค่ายอยู่นอกสภาคเนสเซต (Knesset) ซึ่งเป็นรัฐสภาของอิสราเอล และปักหลักค้างแรมในจัตุรัส Hostages Square ในเทลอาวีฟ 

 

สภาคเนสเซตจะเข้าสู่ช่วงปิดสมัยการประชุมตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน – 19 พฤษภาคม ซึ่งผู้ชุมนุมไม่พอใจที่รัฐสภาปิดสมัยทั้งที่สถานการณ์ตัวประกันยังวิกฤต โดยดิกมันน์กล่าวว่า ในระหว่างปิดสมัยประชุม กลุ่มแนวร่วม Hostages and Missing Families Forum ที่เขาเป็นสมาชิก กำลังจะย้ายสำนักงานจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม และวางแผนชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 7 เมษายน ซึ่งเป็นวันครบรอบ 6 เดือนของสงคราม

 

เนทันยาฮูตอบสนองอย่างไร?

 

เนทันยาฮูแถลงเกี่ยวกับเหตุประท้วงขับไล่เขาผ่านทางวิดีโอเมื่อวันอาทิตย์ โดยผู้นำอิสราเอลตอบโต้คำวิจารณ์ที่ว่าเขาไม่ได้พยายามเท่าที่ควรเพื่อการปล่อยตัวประกัน และกล่าวว่า “การเจรจาเป็นหนทางเดียวที่จะได้ตัวประกันของเรากลับคืน” แต่ขณะเดียวกันเขากล่าวว่า อิสราเอลไม่สามารถเห็นด้วยกับจุดยืนของฮามาสด้วยการปล่อยให้ชาวกาซา ซึ่งรวมถึงผู้ก่อการร้ายฮามาส เดินทางกลับบ้านทางตอนเหนือของฉนวนกาซาโดยไม่ได้มีการควบคุมดูแล

 

“ความจริงก็คือ เมื่อไรก็ตามที่อิสราเอลแสดงความยืดหยุ่นในการเจรจา กลุ่มฮามาสก็จะแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้น” นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูกล่าว 

 

เนทันยาฮูยังวิพากษ์วิจารณ์กระแสเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งในเวลานี้ว่า “การทำเช่นนี้ในระหว่างสงครามจะทำให้การเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันของเราหยุดชะงัก และในท้ายที่สุดจะนำไปสู่การยุติสงครามก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย” ซึ่งฮามาสจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้

 

ภาพ: Ronen Zvulun / Reuters

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising