แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอ แต่เครื่องปรับอากาศในไทยขายดี! ‘ไฮเออร์’ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ประกาศทุ่มงบลงทุนครั้งใหญ่ในไทยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ปักหมุดสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศเต็มรูปแบบแห่งแรกในไทยบนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 เริ่มเดินเครื่องผลิตในเดือนกันยายน 2025 ประเดิม 3 ล้านเครื่อง เตรียมจ้างงานคนไทยไม่ต่ำกว่า 3,000 คน พร้อมผลักดันให้ไทยเป็นฮับภูมิภาคอาเซียน ส่งออกตลาดใหญ่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง
โจวหยุนเจี๋ย ประธานกรรมการบริหาร ไฮเออร์ กรุ๊ป กล่าวว่า ไฮเออร์เดินหน้าลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่กว่า 324,000 ตารางเมตรในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด3 (WHA ESIE 3) จังหวัดชลบุรี
นับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย ที่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี สามารถเชื่อมต่อด้านคมนาคมได้หลายเส้นทางทั้งไทยและการส่งออกไปยังต่างประเทศ
โจวระบุว่า โรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานผลิตส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศเต็มรูปแบบที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงตามมาตรฐานระดับโลก เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก และรองรับดีมานด์ตลาดเครื่องปรับอากาศในไทยที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง
อีกทั้งไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมต่อไปยังเพื่อนบ้าน รวมถึงเป้าหมายของบริษัทแม่จากจีนหวังให้ไทยเป็นฮับการผลิต ภายใต้วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการมุ่งขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของโลก
โรงงานวางแผนก่อสร้าง 3 เฟส ตั้งเป้าก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2027 โดยเฟสแรกจะเปิดไลน์การผลิต 3 ล้านเครื่องในเดือนกันยายน 2025 เฟสที่ 2-3 จะเสร็จสิ้นพร้อมเปิดดำเนินการปี 2026 และ 2027
“หลังก่อสร้างเสร็จสิ้น โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก้าวสู่ฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์ ด้วยกำลังผลิตเครื่องปรับอากาศกว่า 6 ล้านเครื่องต่อปี และไทยจะเป็นฮับการผลิตครบวงจรนอกประเทศจีน เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกทั่วโลกในอนาคต”
THE STANDARD WEALTH ร่วมพูดคุยกับ ต่งเจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยต่งระบุถึงแนวโน้มตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยว่า คนไทยมีอัตราการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงมาก หากดูจากตลาดเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์ในประเทศไทยก็มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมูลค่ากว่าหลายหมื่นล้านบาท
โดยไฮเออร์ยังคงเป็นผู้นำในตลาด ซึ่งมีส่วนแบ่งกว่า 13% ในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย, มีส่วนแบ่ง 11% ในหมวดเครื่องปรับอากาศ และมียอดขายอันดับ 1 ในช่องทางออฟไลน์ในไทย ปัจจุบันบริษัทขายผ่านช่องทางออฟไลน์เป็นหลัก
ทั้งนี้ ไฮเออร์มีโรงงาน 2 แห่งคือ จังหวัดปราจีนบุรี ที่ได้เข้าซื้อกิจการของซันโยเมื่อปี 2012 และจังหวัดชลบุรี สำหรับแผนการตลาดอนาคตเตรียมวางกลยุทธ์ธุรกิจพร้อมบุกขยายช่องทางออนไลน์ และเพิ่มแผนสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
“เรามองว่าขณะนี้การลงทุนในไทยมีโอกาสเติบโตมากกว่าประเทศจีน ด้วยการขนส่งที่เอื้ออำนวยต่อการนำเข้าส่วนประกอบและสะดวกต่อการส่งออกสินค้า กับตลาดแรงงานที่กว้างกว่า ซึ่งหากถามว่าการขึ้นค่าแรงจะมีผลต่อต้นทุนการผลิตอนาคตหรือไม่นั้น แน่นอนว่ามี แต่เรามองที่ภาพรวมปัจจัยอื่นๆ ประกอบกันมากกว่า”
ดังนั้นไทยจะเป็นฐานการขายและการส่งออกเครื่องปรับอากาศสำคัญ อีกปัจจัยหลักคือ เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้เครื่องปรับอากาศขายดี ถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม
โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) คือการเว้นภาษีทั้งหมดในช่วงเวลา 8 ปีแรก และ 5 ปีถัดมาเสียภาษี 50%
ต่อคำถามที่ว่า ประเด็นสินค้าจีน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) สงครามการค้า (Trade war) นั้นเป็นอานิสงส์ของการย้ายฐานผลิตมาไทยในครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรนั้น ต่งกล่าวว่า “ไม่ได้มองภาพนั้น หลักๆ ผมมองว่าไทยเป็นตลาดที่มีแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโตมาก มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม และมีศักยภาพในหลายๆ ด้านที่น่าสนใจอยู่แล้ว จึงเลือกไทยเป็นฐานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และจะขยายการส่งออก จากเดิมที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น รวมทั้งจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อมสู่ภูมิภาคอื่นๆ ให้มากขึ้น”
