×

โดนลูกน้องหลอกให้เลี้ยงข้าวเป็นประจำ จะทำอย่างไรดีครับ

20.06.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ลูกน้องชอบให้หัวหน้าเลี้ยงข้าวอยู่แล้ว แต่อะไรที่ได้มาง่าย คนเราย่อมไม่เห็นคุณค่า และการที่เขาขออะไรแล้วคุณไม่ค่อยปฏิเสธ แปลว่าคุณกำลังยอมให้ลูกน้องมีอำนาจต่อรองมากกว่า อาจตามมาด้วยการขอเรื่องอื่นๆ เพราะได้ลองหยั่งเชิงแล้วจากเรื่องเล็กๆ
  • ลองเปลี่ยนจากเอะอะก็เลี้ยงข้าวเป็นการเลี้ยงเพื่อรางวัลแทน พอเป็นแบบนี้เราจะได้ไม่ต้องเลี้ยงพร่ำเพรื่อโดยไม่มีความหมาย ยิ่งคนเราพอมีเป้าหมายแล้วทำได้สำเร็จ ตอนเขาได้รางวัล รางวัลนั้นจะมีคุณค่ามากขึ้น
  • วิธีนี้เราก็จะสอนลูกน้องกลายๆ ไปในตัว ต่อไปน้องเป็นหัวหน้า น้องก็ต้องรู้จักให้รางวัลลูกน้องด้วย ถ้าเราสัมผัสได้ว่าลูกน้องกำลังใช้อำนาจต่อรองเราในทางที่ไม่ถูกต้อง เราก็มีวิธีปฏิเสธที่จะไม่ทำให้เรากลายเป็นคนขี้เหนียว แต่เรามีอำนาจที่จะปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะขี้เหนียว แต่เพราะอยากให้ลูกน้องอยู่ในวิถีที่ดี

Q: เป็นหัวหน้าแล้วลูกน้องชอบขอให้เลี้ยงข้าวบ่อยๆ แรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่บ่อยๆ เข้าก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะเอะอะพวกลูกน้องก็จะรวมตัวกันขอให้เลี้ยงข้าวอยู่เรื่อย จะไม่เลี้ยงก็จะดูขี้เหนียวไปหรือเปล่า จะปฏิเสธลูกน้องอย่างไรดีครับ

 

A: ต้องเรียกลูกน้องทีมของคุณว่า “ทีมกินฟรีมีเกียรติ” นะครับเนี่ย แหม…ตลกแ-กซะด้วยสิ ฮ่าๆ

 

หัวหน้าต้องรู้จักให้คุณและโทษกับลูกน้องอย่างเหมาะสม การเลี้ยงข้าวลูกน้องส่วนหนึ่งก็เหมือนการให้ใจลูกน้อง เราใจใหญ่ไว้ก่อน เรามีมากกว่าลูกน้องก็ต้องเผื่อแผ่ให้เขา นั่นเป็นเรื่องที่ถูกแล้วครับ ผมก็ชอบนะครับเวลาที่หัวหน้าเลี้ยงข้าว ใครไม่ชอบบ้างล่ะ จริงไหมครับ การเลี้ยงข้าวทำให้ความสัมพันธ์ของหัวหน้าและลูกน้องดีขึ้น เราสนิทกันมากขึ้น ได้มีเวลาคุยกันในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่แค่เรื่องงาน ได้รู้จักชีวิตของกันและกันมากขึ้น ได้คลายเครียดไปด้วย (หรือกินข้าวกับหัวหน้าแล้วเครียดกว่าเดิมก็ไม่รู้ ฮ่าๆ) มองในมุมนี้มันมีประโยชน์อยู่ และเราต้องใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์

 

การอยู่ร่วมกันคือการบริหารความสัมพันธ์เชิงอำนาจครับ หัวหน้ามีอำนาจแบบหนึ่ง ลูกน้องก็มีอำนาจอยู่ในตัวเหมือนกัน ทว่าแต่ละคนจะใช้อำนาจที่มีในความสัมพันธ์อย่างไร อันนี้เป็นศิลปะครับ

 

ลูกน้องชอบให้หัวหน้าเลี้ยงข้าวอยู่แล้ว กินฟรีมีเกียรติใครก็ชอบ แต่อะไรที่ได้มาง่าย บ่อยไป พร่ำเพรื่อไป คนเราย่อมไม่เห็นคุณค่า ยิ่งดูทรงแล้วลูกน้องคุณอาจจะใช้ช่องทางนี้ในการให้คุณเลี้ยงอยู่บ่อยๆ แสดงว่าเขาสัมผัสได้ว่าขออะไรแล้วคุณไม่ค่อยปฏิเสธ และคุณเองก็อึดอัดใจที่จะปฏิเสธเหมือนกัน แปลว่าคุณกำลังยอมให้ลูกน้องมีอำนาจต่อรองมากกว่า ซึ่งจริงๆ แล้วการจะเลี้ยงข้าวหรือไม่เลี้ยงนี่มันอยู่ที่คุณชัดๆ พอลูกน้องสัมผัสได้แล้วว่าเรื่องนี้ขอได้ หัวหน้าไม่ปฏิเสธ ก็อาจจะตามมาด้วยการขอเรื่องอื่นๆ เพราะลองได้หยั่งเชิงจากเรื่องเล็กๆ อย่างการเลี้ยงข้าวแล้วหัวหน้ายังไม่มีอำนาจปฏิเสธเลย

 

ลองเปลี่ยนจากเอะอะก็เลี้ยงข้าวเป็นการเลี้ยงเพื่อรางวัลแทนดีไหมครับ เช่น ตั้งเป้าหมายร่วมกันกับลูกน้อง ถ้าทำสำเร็จ เราจะเลี้ยงข้าวทั้งทีม พอเป็นแบบนี้เราจะได้ไม่ต้องเลี้ยงพร่ำเพรื่อโดยไม่มีความหมาย เราเอางานเป็นตัวตั้ง ถ้างานสำเร็จพี่จะเลี้ยงข้าวน้อง งานก็ได้ ความสัมพันธ์ก็ได้ อำนาจไม่เสีย เป็นแบบนี้ทุกคนได้ประโยชน์หมด ยิ่งคนเราพอมีเป้าหมายแล้วทำได้สำเร็จ ตอนเขาได้รางวัล รางวัลนั้นจะมีคุณค่ามากขึ้น คุ้มค่าการรอคอย แบบนี้น่าจะดีกว่าเลี้ยงอย่างไร้จุดหมายครับ และพอเราเลี้ยงเขาแล้ว เราก็สามารถย้ำได้ว่า ถ้าคราวหน้าทำสำเร็จยิ่งกว่านี้อีกก็จะเลี้ยงอีก เฮ! ทุกคนก็จะมีจุดหมายร่วมกันแล้ว เราเอาของกินมาล่อให้เขาทำงานนี่แหละครับ ฮ่าๆ

 

แต่สำหรับอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างเลี้ยงกาแฟ เลี้ยงขนม ออกค่าแท็กซี่ให้ ฯลฯ ผมว่าทำไปโดยไม่ต้องคิดก็จะดีมากครับ เราใจใหญ่ไว้ก่อน ไม่ต้องไปคิดอะไร แต่ประเภทเลี้ยงข้าวจริงจัง ผมแนะนำว่าให้เป็นมื้อพิเศษที่ทำเมื่อประสบความสำเร็จร่วมกันจะดีกว่าครับ

 

วิธีนี้เราก็จะสอนลูกน้องกลายๆ ไปในตัวว่า ต่อไปน้องเป็นหัวหน้า น้องก็ต้องรู้จักให้รางวัลลูกน้อง แต่ต้องไม่ให้พร่ำเพรื่อจนการให้ของเราไร้ความหมาย ขณะเดียวกัน ถ้าเราสัมผัสได้ว่าลูกน้องกำลังใช้อำนาจต่อรองเราในทางที่ไม่ถูกต้อง เราก็มีวิธีปฏิเสธที่จะไม่ทำให้เรากลายเป็นคนขี้เหนียว คนใจแคบ แต่เรามีอำนาจที่จะปฏิเสธ ปฏิเสธครั้งนี้ไม่ใช่เพราะขี้เหนียว แต่เพราะอยากให้ลูกน้องอยู่ในวิถีที่ดี ไม่เอาอำนาจที่มีไปใช้กับคนอื่นในทางที่ผิดได้ และเรายังหาวิธีจูงใจให้ลูกน้องทำงานได้ดีขึ้น โดยที่ลูกน้องยังคงได้ในสิ่งที่เขาต้องการเหมือนเดิม

 

เวลาได้เงินเดือนแล้ว แบ่งเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินสำหรับการใช้จ่ายด้านสังคมแบบนี้แหละครับ เช่น เผื่อใส่ซองแต่งงาน เผื่อใครบวช เผื่อต้องไปงานศพ เผื่อทำบุญ และเผื่อต้องเลี้ยงลูกน้อง กันเงินส่วนนี้แยกมาเลยครับ กันไว้ทุกเดือนเป็นโควตาส่วนตัว คนเป็นหัวหน้าได้ใช้แน่นอน ถ้าเหลือก็เอาไปเก็บออมหรือลงทุนได้ต่อ เหมือนเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ นะครับ แต่เป็นเงินส่วนที่เราต้องใช้ ยิ่งโตขึ้นแล้วเรายิ่งต้องมีสังคมกว้างขึ้น เงินส่วนนี้คือส่วนที่เราต้องมีเผื่อไว้ด้วย

 

การเลี้ยงข้าวเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กครับ แต่เห็นไหมครับว่าเกี่ยวกันทั้งเรื่องการให้รางวัล การสร้างความสัมพันธ์ในทีม และการบริหารอำนาจที่มีอยู่ การสอนลูกน้อง ฯลฯ ถ้าเราใช้ให้เป็น เรื่องเล็กๆ แบบนี้จะทำให้เรากลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้ครับ

 

ตอบคำถามให้คุณแล้ว ไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมก็ได้นะครับ แต่ถ้าจะเลี้ยง ผมก็ไม่ปฏิเสธ ฮ่าๆ

 

อันนี้ผมเริ่มชักจะตลกแ-กแล้วล่ะสิ

 

*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

 

Photo: Nisakorn Rittapai

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising