วันนี้ (30 มิถุนายน) องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือนว่าสถานการณ์โควิด-19 อาจเลวร้ายลงได้อีก หลังการแพร่ระบาดผ่านมานานถึง 6 เดือนเต็ม มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงกว่า 10 ล้านราย รักษาหายราวครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้วกว่า 5 แสนรายทั่วโลก ชี้พลเมืองโลกจะติดโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก หากรัฐบาลดำเนินนโยบายและมาตรการรับมือไม่ตรงจุดและไม่มีประสิทธิภาพ
ทางด้าน ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ยังคงแนะให้ทางการเดินหน้าตรวจหาเชื้อ ติดตามกลุ่มเสี่ยง แยกตัวและกักตัวเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในเอเชียใต้และแอฟริกาจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม
“แม้หลายประเทศจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศได้ดี แต่สถานการณ์โดยรวมในระดับโลก โควิด-19 ยังคงระบาดหนักต่อเนื่อง
การขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายในชาติ ขาดความสามัคคีในระดับโลก แบ่งเป็นฝักฝ่าย จะยิ่งช่วยทำให้โรคระบาดแพร่กระจายได้มากขึ้น สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง”
โดยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกกล่าวชื่นชมเยอรมนี เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น พร้อมให้นานาชาติมองประเทศเหล่านี้เป็นต้นแบบในการรับมือโควิด-19 ที่ทั้งตรวจหาเชื้อเชิงรุกและติดตามกลุ่มเสี่ยงอย่างจริงจัง ตัดสินใจแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วหากพบคลัสเตอร์ใหม่
หลายเมืองในหลายประเทศเริ่มทยอยกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์และคุมเข้มทางสังคมอีกครั้งหลังจากพบการระบาดระลอกใหม่ ทางการกรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของบราซิล ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองเลสเตอร์ในสหราชอาณาจักรประกาศล็อกดาวน์ ผับและร้านอาหารจะยังคงปิดให้บริการอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ภาพ: Gerardo Vieyra / NurPhoto via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
