องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ประกาศเพิ่มยาอีก 2 ตัว ในแนวทางปฏิบัติสำหรับการรักษาที่แนะนำสำหรับโรคโควิด ได้แก่ยา บาริซิทินิบ (Baricitinib) ซึ่งเป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ กับยาโซโทรวิแมบ (Sotrovimab) ซึ่งเป็นยารักษาโควิด ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการต้านโควิดได้ทุกสายพันธุ์ รวมถึงโอมิครอน
การเพิ่มยารักษาโควิด 2 ตัวนี้ มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโควิด ที่กลับมาทวีความรุนแรงทั่วโลก จากการระบาดอย่างรวดเร็วของโอมิครอน ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์หลักในหลายประเทศ โดย WHO เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 ล้านคน ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติใหม่
คณะผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศของ WHO ระบุถึงการใช้ยาบาริซิทินิบในแนวทางปฏิบัติ ที่ถูกเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ British Medical Journal โดย ‘แนะนำอย่างยิ่ง’ ให้ใช้ยาสำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการในระดับรุนแรงหรือวิกฤต โดยใช้ร่วมกับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ซึ่งตัวยาบาริซิทินิบนั้นสามารถลดการใช้เครื่องช่วยหายใจ และพบว่าช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ติดเชื้อ โดยไม่พบว่ามีอาการข้างเคียงใดๆ เพิ่มขึ้น
สำหรับยาโซโทรวิแมบ ทางคณะผู้เชี่ยวชาญของ WHO ได้ให้ ‘คำแนะนำแบบมีเงื่อนไข’ สำหรับใช้ในกลุ่มผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง แต่เน้นว่าให้ใช้เฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่เข้าการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งจะมีประโยชน์มากกว่าใช้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่ำ
โดยยาโซโทรวิแมบนั้นเป็นยาในกลุ่มแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนอล ที่สร้างจากห้องปฏิบัติการ ซึ่งเลียนแบบกลไกในการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกาย
สำหรับการตัดสินใจเพิ่มยารักษาโควิดทั้ง 2 ตัวในแนวทางปฏิบัติของ WHO อ้างอิงข้อมูลหลักฐานจากการทดลอง 7 รายการ ที่มีการทดลองในกลุ่มผู้ป่วยโควิดมากกว่า 4,000 คน ซึ่งมีทั้งกลุ่มอาการไม่รุนแรง อาการรุนแรง และเข้าขั้นวิกฤต
ขณะที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières: MSF) ของฝรั่งเศส แสดงความยินดีต่อการเพิ่มตัวยาใหม่ดังกล่าว และเรียกร้องรัฐบาลของประเทศต่างๆ ให้เร่งดำเนินการคุ้มครองสิทธิบัตรยา เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการรักษาโควิดด้วยยาเหล่านี้ได้มากที่สุด
ภาพ: Photo Illustration by Avishek Das/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: