×

ฮัดเช้ย! อย่าปล่อยให้หวัดกินเรา วิธีต่อกรกับไข้หวัดใหญ่ระบาด

04.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ทำไมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วแต่ยังเป็นหวัดได้อยู่อีก? ที่เป็นแบบนั้น เพราะเวลาทำวัคซีน ทางการแพทย์จะเลือกเอาสายพันธุ์ Influenza ที่คาดการณ์ว่าจะมีการระบาดใหญ่ในปีนั้นๆ มาผลิตเป็นวัคซีน แต่หากบังเอิญเราได้รับเชื้อชนิดซึ่งไม่ใช่ชนิดที่นำมาผลิตวัคซีน ก็ยังอาจจะติดเชื้อได้อยู่ดี เพียงแต่อาการจะไม่รุนแรงเท่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และร่างกายก็จะฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก
  • ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติก็คือ Spanish Flu เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1918 เพราะความที่ระบบสาธารณสุขในเวลานั้นยังไม่ดีพอ ไข้หวัดจึงระบาดไปทั่วโลก สังหารชีวิตผู้คนในโลกนี้ไปไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน

     ไข้หวัดใหญ่กำลังกลับมาระบาดอีกครั้งในยามนี้ มองไปทางไหน ก็เห็นเพื่อนพ้องน้องพี่ป่วยเป็นหวัดกันระนาว ไม่เฉพาะแต่ในบ้านเรา แต่สถานการณ์การระบาดเป็นทั่วทั้งภูมิภาค มองไปทางประเทศเพื่อนบ้านซ้ายขวาก็ดูจะย่ำแย่ไม่แพ้กัน บางประเทศมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ไปแล้วหลายสิบคน และนั่นเป็นสาเหตุที่เราควรทำความรู้จักกับโรคฮิตใกล้ตัวนี้กันเอาไว้

การฉีดวัคซีนเป็นการฉีดเชื้อไวรัสที่ถูกทำให้หมดฤทธิ์เข้าไปในร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานนับสิบวัน ไม่ได้ฉีดปุ๊บแล้วจะเกิดภูมิคุ้มกันได้ทันที ดังนั้น หากต้องการจะให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ละก็ ควรไปฉีดเสียแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่รอให้คนใกล้ตัวเป็นแล้วถึงเพิ่งจะนึกได้ แบบนั้นไม่ทันแน่นอน

รู้จักไข้หวัดใหญ่ให้ดีขึ้นกันดีกว่า

     ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza Virus มีหลายสายพันธุ์ครับ ที่ดุมากๆ คือสายพันธุ์ A เพราะจะทำให้ไข้สูง ไอมาก ปวดตามเนื้อตามตัว บางคนมีเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ในคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, โรคอ้วน, ความดัน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นหลายเท่า

     อันว่า Influenza Virus แต่ละสายพันธุ์นั้น ยังมีหลายตระกูลแยกย่อยลงไปอีก ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความรุนแรงแตกต่างกันไป ที่เราได้ยินการเรียกหวัดชนิด H1N1, H3N4 ฯลฯ อันนี้เกิดจากการที่นักไวรัสวิทยาจำแนกชนิดของไวรัส โดยดูจากโปรตีนที่อยู่บนพื้นผิวของตัวไวรัสนั่นเอง

     H คือ โปรตีน Hemagglutinin

     N คือ โปรตีน Neuraminidase

     ซึ่งไวรัส Influenza แต่ละชนิด จะมีโปรตีนทั้ง H และ N ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้พวกมันมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แม้จะมีหน้าตาคล้ายๆ กันก็ตาม

     ตรงนี้สอดคล้องกับคำถามที่ว่า “ทำไมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้ว แต่ยังเป็นหวัดได้อยู่อีก?” ที่เป็นแบบนั้น เพราะเวลาทำวัคซีน เขาจะเลือกเอาสายพันธุ์ Influenza ที่คาดการณ์ว่าจะมีการระบาดใหญ่ในปีนั้นๆ มาผลิตเป็นวัคซีน เช่น เลือกเอา H1N1, H1N3, H2N2 มาใช้ เป็นต้น

     ฉะนั้น ทั้งๆ ที่เราฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แล้ว แต่ถ้าหากบังเอิ๊ญบังเอิญ เกิดเราไปรับเชื้อชนิด H3N4 (ซึ่งไม่ใช่ชนิดที่นำมาผลิตวัคซีน) มา ก็ยังอาจจะติดเชื้อได้อยู่ดี เพียงแต่อาการจะไม่รุนแรงเท่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และร่างกายก็จะฟื้นตัวได้เร็วกว่ามากๆ เพราะแม้เลขจะต่างกัน แต่หน้าตาโปรตีน H และ N มีความใกล้เคียงกันครับ แปลความหมายชัดๆ อีกทีได้ความว่า อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนก็ให้ผลที่คุ้มค่ากว่ากันมากๆ

     และวัคซีนก็จำเป็นต้องฉีดใหม่ทุกปี เพราะเชื้อที่จะระบาดในแต่ละปีมักจะเปลี่ยนหน้ากันไป วัคซีนเข็มที่ฉีดเมื่อปีก่อนจึงไม่อาจป้องกันหวัดที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ในปีถัดไปได้

     คำถามต่อมาก็คือ แล้วทำไม ไม่เอาไวรัสทุกตัวที่มีมาผลิตวัคซีนให้ครอบคลุม จะได้ป้องกันได้แบบครอบจักรวาล?

     คำตอบก็คือ ทำไม่ได้ครับ

     เพราะไวรัสในโลกนี้มีมากมายเหลือเกิน เฉพาะที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ก็มีหลายร้อยชนิดเข้าไปแล้ว ไม่มีวันที่เราจะทำวัคซีนให้ครอบคลุมทุกเชื้อ ทุกสายพันธุ์ในเข็มเดียว อีกอย่าง ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสลับซับซ้อนในตัวสูงมาก มันสามารถปรับเปลี่ยนตัวเอง มีวิวัฒนาการใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้มนุษย์จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน วัคซีนที่เกี่ยวข้องกับไวรัสจึงทำได้ยากมากๆ

     อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่มักจะเกิดขึ้นเสมอคือ พอเห็นเพื่อนหรือคนใกล้ตัวเป็นไข้หวัดใหญ่ เราก็มักจะรีบไปฉีดวัคซีนกันตอนนั้น จะได้ป้องกันตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วต้องบอกว่ามันไม่ทันกันครับ การฉีดวัคซีนเป็นการฉีดเชื้อไวรัสที่ถูกทำให้หมดฤทธิ์เข้าไปในร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานนับสิบวัน ไม่ได้ฉีดปุ๊บแล้วจะเกิดภูมิคุ้มกันได้ทันที ดังนั้น หากต้องการจะให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ละก็ ควรไปฉีดเสียแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่รอให้คนใกล้ตัวเป็นแล้วถึงเพิ่งจะนึกได้ แบบนั้นไม่ทันแน่นอนครับ

 

ข้อปฏิบัติเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่

     ไข้หวัดใหญ่เป็นได้กันทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ติดต่อกันได้ง่ายมากครับ ผ่านทางการไอ จาม รับประทานอาหารร่วมกัน ฉะนั้น ในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาดอย่างตอนนี้ เราทุกคนก็ต้องระวังตัวกันให้ดี มีคำแนะนำสำหรับวิธีป้องกันตนเองง่ายๆ ดังนี้ครับ

     – ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี

     – รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

     – หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สักระยะ เพื่อป้องกันการระบาดและแพร่กระจายของเชื้อไวรัสจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง

     – รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ล้างมือให้สะอาด ใช้ช้อนกลางเวลารับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น

     – สำหรับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว แนะนำว่าควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ควรหยุดเรียน หยุดงาน เพื่อรักษาตัวให้หายโดยเร็ว และไม่เป็นการแพร่กระจายเชื้อไวรัสให้คนอื่นครับ

     ถ้าทำได้ตามนี้ รับรองว่าห่างไกลจากไข้หวัดใหญ่กันอย่างแน่นอน

     ขอส่งความปรารถนาดีให้ทุกๆ ท่าน ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่โดยถ้วนหน้า และสำหรับใครที่เป็นไปแล้ว หรือกำลังเป็นอยู่ ก็ขอให้พักผ่อนมากๆ จะได้หายไวๆ นะครับ

FYI
  • Influenza มีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาเลียน มีความหมายว่า อาการจับไข้ ในสมัยก่อนคริสตกาล แพทย์เชื่อว่าไข้หวัดคือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยซ้ำ
  • Hippocrates บิดาแห่งวงการแพทย์ ได้เขียนบรรยายถึงอาการของไข้หวัดไว้ตั้งแต่ 450 ปีก่อนคริสตกาล แต่ตอนนั้นยังไม่มีบันทึกเกี่ยวกับการระบาดอย่างชัดเจน จนกระทั่งช่วงปี ค.ศ. 1580 เกิดไข้หวัดใหญ่ระบาดรุนแรงไปทั่วโลกครั้งแรก มีจุดเริ่มต้นจากทวีปเอเชีย แพร่ไปยังทวีปแอฟริกา ตามด้วยยุโรป รายงานในวารสารจุลชีววิทยา ‘Applied Microbiology’ บอกว่า การระบาดในครั้งนั้น ทำให้ประชากรในเมืองหลายแห่งของสเปนตายทั้งเมือง ส่วนในกรุงโรม ประเทศอิตาลี มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 8,000 คน
  • ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติก็คือ Spanish Flu เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1918 เพราะความที่ระบบสาธารณสุขในเวลานั้นยังไม่ดีพอ ไข้หวัดจึงระบาดไปทั่วโลก สังหารชีวิตผู้คนในโลกนี้ไปไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน เฉพาะในประเทศสเปนมีคนเสียชีวิตมากถึง 8 ล้านคน มากกว่าจำนวนคนที่ตายเพราะสงครามโลกครั้งที่ 1 หลายสิบเท่า เรามาทราบกันในภายหลังว่าไวรัสที่ทำให้เกิด Spanish Flu ก็คือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ชนิด H1N1 นั่นเอง
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising