×

จับทริกเลือกหุ้นยุคเงินเฟ้อพุ่งตามสูตร ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ พบอสังหาฯ และกองทุนดัชนี เข้าตำรา

22.08.2021
  • LOADING...
Warren Buffett

ตั้งแต่รถยนต์มือสอง ราคาน้ำมัน ตลอดจนราคาสินค้าในร้านขายของชำ เหล่านี้ล้วนกำลังจะมีราคาเพิ่มขึ้นในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่ช่วงขาขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.4% เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2020 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008

 

แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินบางคนจะแสดงความคิดเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล แต่ในมุมของผู้บริโภคและผู้ลงทุนแล้ว เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการปรับเพิ่มขึ้นอัตราเงินเฟ้อได้เลย 

 

ในแง่มุมของการลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซีอีโอของ Berkshire Hathaway กล่าวว่า มีบางธุรกิจที่มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าธุรกิจอื่น ในยุคที่อัตราเงินเฟ้อเป็นขาขึ้น 

 

ย้อนกลับไปในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ของ Berkshire Hathaway บัฟเฟตต์ถูกถามถึงแนวทางการเลือกหุ้นที่จะเติบโตได้ดีที่สุดในช่วงที่เงินเฟ้อสูง คำตอบของบัฟเฟตต์คือ ธุรกิจที่ดีที่สุดที่ควรเป็นเจ้าของคือธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนซ้ำหรือไม่ต้องคอยเติมทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจเหล่านี้จะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมูลค่าของเงินดอลลาร์ลดลง

 

“ธุรกิจที่ดีที่สุดในช่วงเงินเฟ้อคือธุรกิจที่คุณซื้อเพียงครั้งเดียว และจากนั้นคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อไป” บัฟเฟตต์กล่าว และเสริมว่า “ธุรกิจใดก็ตามที่มีการลงทุนจำนวนมากมักจะเป็นธุรกิจที่ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และมักเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ยาก”

 

ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสาธารณูปโภคหรือทางรถไฟที่กินเงินลงทุนอยู่เรื่อยๆ ในขณะที่ไม่ได้สร้างกำไรเท่าที่ลงทุนไป อาจไม่ใช่ตัวเลือกการลงทุนที่เหมาะนักในยุคเงินเฟ้อขาขึ้น โดยบัฟเฟตต์ชอบที่จะเป็นเจ้าของบริษัทที่ผู้คนมีความเกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลามากกว่า 

 

ขณะที่ ‘แบรนด์’ เป็นกิจการที่ควรเป็นเจ้าของในช่วงเงินเฟ้อขาขึ้นตามมุมมองของบัฟเฟตต์ ซึ่งรวมถึงแบรนด์อย่าง See’s Candy ซึ่งบัฟเฟตต์เป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี 1972

 

แน่นอนว่านักลงทุนรายวันส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อธุรกิจทั้งหมดได้ แต่นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในบริษัทที่ชื่นชอบได้ การเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ดังที่บัฟเฟตต์กล่าวไว้ในปี 2552 นั้นมีประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมูลค่าของเงินดอลลาร์ ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจจะยังคงเป็นที่ต้องการ

 

บัฟเฟตต์กล่าวอีกว่า การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อเกิดขึ้นนั้นสะดวกเป็นพิเศษ เนื่องจากการซื้อเป็น ‘ค่าใช้จ่ายครั้งเดียว’ สำหรับนักลงทุน และมีประโยชน์เพิ่มเติมในการขายต่อ

 

“ถ้าคุณครอบครองบางสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือเป็นที่ต้องการสำหรับคนอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป สินทรัพย์นั้นมักจะมีราคาที่สูงขึ้น ซึ่งนั่นคือผลตอบแทนจากเงินเฟ้อจริงๆ” บัฟเฟตต์กล่าว

 

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ใช่การเลือกหุ้นตัวเดียวที่พวกเขาเชื่อว่าจะทำผลงานได้ดี แต่ควรลงทุนในกองทุนดัชนีที่ต้นทุนต่ำแทน ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่ามาก

 

บัฟเฟตต์แนะนำมานานแล้วว่า นักลงทุนควรนำเงินไปลงทุนในกองทุนเหล่านี้ เพราะกองทุนดัชนีช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น กองทุนดัชนี S&P 500 ซึ่งมัดรวมหุ้นของบริษัทชื่อดังอย่าง Apple, Coca-Cola และ Google เอาไว้เรียบร้อยแล้ว 

 

บัฟเฟตต์กล่าวกับ CNBC ก่อนหน้านี้ว่า สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเงินออมเพื่อการเกษียณ กองทุนดัชนีที่หลากหลายนั้น “สมเหตุสมผลที่สุดตลอดเวลา” 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising