10 เรื่องราวน่าทึ่งของ Warren Buffett

วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) มหาเศรษฐีและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ปัจจุบันเขาเป็นประธานคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Berkshire Hathaway เขามักจะได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารและสำนักโพลชั้นนำต่างๆ ให้เป็นบุคคลที่ทั่วทั้งโลกจับตามอง โดยเฉพาะเคล็ดลับความสำเร็จและประสบการณ์ก่อนที่จะมาเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในวันนี้ และนี่คือ 10 เรื่องจริงอันน่าทึ่งของผู้ชายคนนี้

1. ในขณะที่เพื่อนๆ สมัยชั้นประถมของวอร์เรนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสนามเด็กเล่น หรือกำลังนอนกลางวันฝันถึงตัวการ์ตูนที่ชอบและดาราคนโปรด แต่ใครจะรู้ว่าเด็กชายวอร์เรนเมื่อตอนอายุเพียง 10 ขวบ กำลังนั่งทานข้าวกับสมาชิกของตลาดซื้อขายหุ้นในนิวยอร์ก (New York Stock Exchange) ขณะที่กำลังเดินทางไปเที่ยวนิวยอร์กกับพ่อของเขา และเริ่มวางเป้าหมายชีวิตของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น

2. วอร์เรน บัฟเฟตต์ เริ่มต้นการลงทุนด้วยการซื้อหุ้นตัวเเรกในชีวิตเมื่อตอนอายุเพียง 11 ปี ในราคาหุ้นละ 38 ดอลลาร์สหรัฐ และสามารถสะสมเงินได้ถึง 53,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.75 ล้านบาท) ในวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น

3. ตลอด 54 ปีที่ผ่านมา วอร์เรนใช้เวลาในการเดินทางไปยังที่ทำงานเเค่ 5 นาทีเท่านั้น และระหว่างทางเขาจะแวะ McDonald’s เกือบทุกวัน เพื่อซื้ออาหารเช้าในราคาที่ไม่เกิน 3.17 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 105 บาทเท่านั้น)

4. วอร์เรน เคยตกสัมภาษณ์การคัดเลือกเข้าศึกษาต่อที่ Harvard Business School โดยเขาเล่าว่า คณะกรรมการสัมภาษณ์บอกฉันว่า “ฉันดูเหมือนเด็กอายุ 16 แต่วุฒิภาวะทางอารมณ์เหมือนเด็ก 9 ขวบ” ทั้งๆ ที่เขามั่นใจมากว่า การสัมภาษณ์ในครั้งนั้นต้องออกมาดี มั่นใจขนาดถึงกับบอกเพื่อนๆ ของเขาให้ตามมาเรียนที่ Harvard ด้วยกัน แต่หลังจากตกสัมภาษณ์ในครั้งนั้น เขาเลยตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อที่ Columbia Business School แทน เนื่องจากมีแต่สอบข้อเขียน ไม่มีสอบสัมภาษณ์

5. บ้านพักที่เขาอาศัยอยู่ในมลรัฐเนบราสกา คิดเป็นมูลค่าเพียง 0.001% ของทรัพย์ทั้งหมดของเขา เขาซื้อบ้านหลังนี้เมื่อปี 1956 ในราคา 31,500 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัวในปัจจุบัน ถ้าหากคุณอยากจะมาเป็นเพื่อนบ้านของนักลงทุนชื่อก้องโลกวัย 87 ปีคนนี้ คุณอาจจะต้องมีเงินอย่างน้อย 2.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 71 ล้านบาท) ที่พอจะซื้อที่ทางแถวนั้นได้

6. ในช่วงวัยรุ่น วอร์เรน เป็นคนหนึ่งที่เกลียดกลัวการพูดในพื้นที่สาธารณะ (Public Speaking) มาก เขายอมลงทุนจ่ายค่าคอร์สเรียนพัฒนาบุคลิกภาพด้านการพูดโดยเฉพาะในราคา 100 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการลงทุนในครั้งนั้น เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเขา เพราะการฝึกพูดในพื้นที่สาธารณะในครั้งนั้นช่วยทำให้เขากล้าที่จะขอภรรยาแต่งงาน

7. วอร์เรน ถูกไอดอลที่เขาชื่นชอบปฏิเสธที่จะให้เข้าทำงานด้วยในครั้งแรกที่สมัครงาน นักเขียนหนังสือด้านการลงทุนระดับตำนานอย่าง เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) คือ ไอดอลที่วอร์เรนต้องการที่จะร่วมงานด้วยมากที่สุด แต่เขากลับถูกปฏิเสธ นั่นเป็นเพราะเบนจามินต้องการที่จะสงวนตำแหน่งงานใน Wall Street ไว้ให้แก่ชาวยิว เนื่องจากขณะนั้นชาวยิวจำนวนมากประสบความยากลำบากในการหางาน ก่อนที่ท้ายที่สุดเบนจามินจะยอมใจอ่อน รับวอร์เรนเข้าทำงานด้วย เพราะความคิดและความสามารถในด้านการลงทุนที่เขามี

8. วอร์เรน ใช้เวลากว่า 80% ในแต่ละวันไปกับการอ่านหนังสือ เพราะเขาเชื่อว่า คนเราก่อนที่จะเข้านอนควรจะฉลาดเพิ่มขึ้นกว่าตอนตื่นนอน เขาอ่านหนังสือเกือบตลอดทั้งวัน ถ้าตอนไหนไม่ได้อ่านหนังสืออยู่ ให้คุณคาดเดาได้เลยว่า เขาอาจจะกำลังเล่นไพ่บริดจ์ เพื่อฝึกสมองอยู่ และเพื่อนซ้อมมือคนสำคัญของเขาไม่ใช่คนอื่นไกล ‘บิล เกตส์ (Bill Gates)’ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกนั่นเอง

9. ผู้คนทั่วโลกส่วนใหญ่ชื่นชอบและศึกษาแนวทางความสำเร็จของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นจำนวนมาก เคยมีการประมูลเพื่อที่จะได้ทานมื้อเที่ยงกับเขา โดยพวกเขายอมจ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อที่จะได้เป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งจำนวนเงินประมูลสูงสุดที่ถูกเสนอ เพื่อที่จะได้รับประทานอาหารสุดหรูกับวอร์เรนที่ Smith & Wollensky steakhouse ในเมืองแมนฮัตตัน คือ 3,456,789 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 114.6 ล้านบาท)

10. ชายวัย 87 ปีคนนี้ ไม่เพียงเเต่เป็นนักลงทุนที่เก่งกาจ แต่เขายังเป็นคนใจบุญ บริจาคทุนทรัพย์ให้องค์กรการกุศลต่างๆ ตามคำชักชวนของภรรยาคนแรกของเขา ซึ่งในปัจจุบัน วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือ ผู้ใจบุญที่บริจาคเงินทุนเพื่อช่วยเหลือองค์กรการกุศลมากที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา เขาบริจาคเงินช่วยการกุศลไปแล้วถึง 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9 หมื่นล้านบาท) โดยเฉพาะเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา เขาได้สร้างสถิติบริจาคเงินถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์ให้แก่องค์กรการกุศลของเพื่อนรักอย่างมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill and Melinda Gates Foundation) รวมถึงมูลนิธิซูซาน ทอมป์สัน บัฟเฟตต์ ที่ถูกจัดตั้งขึ้นตามชื่อภรรยาคนปัจจุบันของเขาเอง (Susan Thompson Buffett Foundation)

แม้ว่าวันนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้ชื่อว่า ประสบความสำเร็จด้านการลงทุนมากที่สุดในโลก แต่เขากลับมองว่า จำนวนเงินที่เขามีอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่ตัวประเมินความสำเร็จที่แท้จริง “ผมวัดค่าความสำเร็จ จากจำนวนคนที่รักผม และวิธีที่ดีที่สุดที่จะถูกรักคือ การทำตัวให้เป็นที่รัก น่าเคารพนับถือ นั่นเอง”

…แล้วคุณล่ะ เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชมผู้ชายคนนี้หรือเปล่า?

Photo: AFP

อ้างอิง: