จากแสงเลเซอร์ #ตามหาความจริง สู่ปมร้อนการเมือง นายกฯ ไม่ตอบ – ตำรวจเร่งตรวจสอบ – ก้าวหน้ายอมรับเป็นคนทำ

หลังช่วงค่ำคืนวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ปรากฏลำแสงพร้อมข้อความ #ตามหาความจริง ในหลายจุดสำคัญของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งซอยรางน้ำ วัดปทุมวนาราม สยามพารากอน กระทรวงกลาโหม และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลายเป็นปริศนาผ่านการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่าบุคคลหรือกลุ่มคณะใดเป็นผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว 

 

ปฏิกิริยาแรกต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (11 พฤษภาคม) โดย พล.ท. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาเปิดเผยกรณีมีมือปริศนายิงแสงเลเซอร์พร้อมระบุข้อความดังกล่าวในหลายสถานที่ ซึ่งเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ของเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ซึ่งหนึ่งในสถานที่นั้นคือกระทรวงกลาโหม

 

พล.ท. คงชีพ กล่าวว่ายังไม่ทราบวัตถุประสงค์ของผู้ดำเนินการว่าทำเพื่ออะไร แต่คาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการและนำไปขยายผลเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียเพื่อต้องการให้นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต แต่ไปพาดพิงกับองค์กรและสถาบัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับสังคม โดยในส่วนของกระทรวงกลาโหมมีกล้องวงจรปิดอยู่ สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ได้

 

พล.ท. คงชีพ ยืนยันว่าการแสดงออกสามารถทำได้ แต่ไม่ควรยั่วยุ ทำให้สังคมแตกแยก และต้องย้อนถามกลุ่มที่ดำเนินการว่ามีวัตถุประสงค์อะไร และจะขอพิจารณาในข้อกฎหมายว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างต่อผู้ที่ดำเนินการดังกล่าว เพราะกระทำต่อที่สาธารณะ และอาจทำให้ผู้พบเห็นเกิดความเข้าใจผิด ก็ทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรนั้นได้

 

ในเวลาต่อมาหลังการแถลงของโฆษกกระทรวงกลาโหม ‘คณะก้าวหน้า’ ได้โพสต์วิดีโอไทม์แล็ปส์ลงในแฟนเพจของตนเอง ซึ่งเป็นวิดีโอขณะที่กำลังฉายแสงไปยังบริเวณต่างๆ พร้อมปรากฏข้อความที่เป็นแคปชันตอนหนึ่งระบุว่า “พอกันทีกับการที่ขอเพียงมีอำนาจล้นฟ้า จะลงมือฆ่าคนเป็นร้อยก็ไม่ผิด ฝากไปถึงผู้มีอำนาจว่าไม่ต้องตามหาให้เหนื่อยแรงอีกต่อไปว่าใครคือคนที่ฉายแสงสว่างส่องหาความจริง” พร้อมกับติด #ตามหาความจริง ที่ขึ้นเป็นเทรนด์ 1 ใน 5 ของไทยในทวิตเตอร์เมื่อวานนี้

 

ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ (12 พฤษภาคม) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการยิงลำแสงไปตามสถานที่ต่างๆ นั้นจะผิด พ.ร.ก. ฉุกเฉินหรือไม่ อย่างไร พล.อ. ประวิตร กล่าวว่าเรื่องนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ ส่วนจะเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองเพื่อรำลึกเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 หรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของคณะก้าวหน้าหรือไม่ แต่คาดว่าน่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน

 

ขณะที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมติดตามความคืบหน้า ซึ่งฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการเตรียมเรียกบุคคลใดเข้ามาสอบปากคำ 

 

มีรายงานว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นแม่งานในการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากเหตุยิงเลเซอร์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจนครบาล โดยให้พิจารณาว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดสถานใดหรือไม่

 

ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีนี้ หลังคณะก้าวหน้าออกมาแสดงความรับผิดชอบว่าได้ยิงเลเซอร์พร้อมข้อความ โดยไม่ขอตอบคำถามเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง เพราะเห็นว่าในช่วงเวลาสถานการณ์ขณะนี้คงไม่เหมาะสมที่จะออกมาเคลื่อนไหว และนำเรื่องอื่นๆ มาเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่จะต้องแก้ไขสถานการณ์สำคัญของประเทศ 

 

ขณะที่ฝ่ายการเมืองอย่าง ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีกรรมการบริหารพรรค รวมถึง ส.ส. พรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวกิจกรรมภายใต้ #ตามหาความจริง โดยกล่าวว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ควรออกมาชี้แจงว่าพรรคก้าวไกลยินยอมให้พรรณิการ์และคณะก้าวหน้าควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าวหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่เป็นการกระทำของกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. พรรคก้าวไกลทั้งสิ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยมีโทษถูกยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล

 

ขณะที่ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เปิดเผยประเด็นดังกล่าวผ่านกรุงเทพธุรกิจว่า เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่สำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองในประเทศไทย มีการสังหารหมู่ประชาชนเกิดขึ้นถึง 2 ครั้งในเดือนนี้ คือพฤษภาทมิฬ ปี 2535 และการสลายการชุมนุมในเดือนพฤษภาคม ปี 2553 ซึ่งก็ครบรอบ 10 ปีที่เกิดขึ้น

 

จึงอยากทำความจริงให้ปรากฏ เพราะคนรุ่นหลังส่วนน้อยอาจจะไม่ทราบหรือไม่เข้าใจการเมืองในยุคก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นี่จะเป็นการคืนความยุติธรรมให้กับคนที่สูญเสีย นำตัวผู้กระทำความผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งสิ่งนี้จะนำไปสู่ความสมานฉันท์ของคนในสังคมได้

 

ทุกคนต้องรู้ว่าความจริงคืออะไร นี่คือที่มาของ #ตามหาความจริง เราไม่ได้สถาปนาชุดความจริงขึ้นมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีการยิงเลเซอร์ข้อความต่างๆ ตามที่ต่างๆ แล้วถือว่าประสบความสำเร็จ มีคนตามหาว่าคืออะไร มีคนแชร์ประสบการณ์ต่างๆ มากมาย มีคนแชร์คลิปเก่าๆ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องผูกขาดโดยใคร

 

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยจากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum