×

สงครามวอลล์สตรีทยังไม่จบ ‘รายย่อย’ ไล่ซื้อ ‘โลหะเงิน’ ดันราคาพุ่ง 13% ดัดหลังสถาบันทำชอร์ตเซล

01.02.2021
  • LOADING...
สงครามวอลล์สตรีทยังไม่จบ ‘รายย่อย’ ไล่ซื้อ ‘โลหะเงิน’ ดันราคาพุ่ง 11% ดัดหลังสถาบันทำชอร์ตเซล

สมรภูมิรบระหว่าง ‘นักลงทุนรายย่อย’ กับ ‘นักลงทุนสถาบัน’ ยังคงดุเดือด ล่าสุด (1 กุมภาพันธ์) เริ่มลามจากตลาดหุ้นไปสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคา ‘โลหะเงิน’ ปรับตัวขึ้นร้อนแรงกว่า 13% หลังนักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันประกาศผ่าน Reddit แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียว่า เป้าหมายต่อไปหลังจากหุ้น GameStop คือ โลหะเงิน เนื่องจากพบว่า นักลงทุนสถาบันได้ทำการชอร์ตโลหะเงินในตลาดค่อนข้างมาก

 

โดยสัญญาซื้อขายโลหะเงินส่งมอบล่วงหน้าเดือนมีนาคมพุ่งขึ้นกว่า 13% สู่ระดับ 30.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 นอกจากราคาโลหะเงินแล้ว ราคาหุ้นและกองทุนที่เกี่ยวข้องกับโลหะเงิน รวมทั้งหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่ก็ได้ทะยานขึ้นในวันนี้เช่นกัน

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในห้อง WallStreetBets ซึ่งมีสมาชิกกว่า 7.6 ล้านรายบนเว็บบอร์ด Reddit ได้หันมาให้ความสนใจเข้าลงทุนในตลาดโลหะเงิน โดยชักชวนกันให้ทุ่มซื้อโลหะเงินเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนสัญญาโลหะเงินเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ ด้วยคาดการณ์ว่าราคาโลหะเงินมีแนวโน้มขาลง

 

แพลตฟอร์มซื้อขายสัญญาโลหะเงินหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง Money Metals, SD Bullion, JM Bullion และ Apmex ต่างก็ไม่สามารถดำเนินการรับคำสั่งซื้อขายได้จนกระทั่งตลาดเอเชียเปิดทำการ เนื่องจากมีคำสั่งซื้อโลหะเงินจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 

 

ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ GameStop ซึ่งได้สร้างความผันผวนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งผลกระทบให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก โดยคาดว่าสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 570,000 ล้านบาท

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้นถึง 1,700% ตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยมีสาเหตุจากการที่นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้น เพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า

 

การกระทำดังกล่าวของนักลงทุนรายย่อยทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก โดยเชื่อว่าในวันพุธที่ผ่านมาเพียงวันเดียว เฮดจ์ฟันด์ขาดทุนมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในวันดังกล่าว ราคาหุ้น GameStop ได้พุ่งขึ้น 135% 

 

นอกจากนี้ ตลาดยังคงวิตกกังวลว่า หากหุ้น GameStop ยังคงพุ่งขึ้นต่อไป ก็จะทำให้เฮดจ์ฟันด์พากันเทขายหุ้นอื่นในตลาดเพื่อระดมเงินมาชดเชยผลขาดทุนจากการเก็งกำไรใน GameStop 

 

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกันว่า ปรากฏการณ์ GameStop เป็นการส่งสัญญาณถึงการเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดด้วย 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising