×
SCB Omnibus Fund 2024

ตลาดหุ้น Wall Street ผันผวนหนัก Dow Jones ทรุดกว่า 1,000 จุด ก่อนรีบาวด์มาปิดในแดนบวกเล็กน้อย นักลงทุนผวาสงครามในยูเครน

25.01.2022
  • LOADING...
Wall Street

ทำเอานักลงทุนใจหายใจคว่ำไม่น้อยสำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น Wall Street ของสหรัฐฯ วานนี้ (24 มกราคม) โดยในช่วงเปิดตลาด ดัชนีทั้งสามของตลาดปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลงกว่า 3.81% และดัชนี Nasdaq ขยับลง 4.68%

 

ด้านดัชนีความผันผวน หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้น Wall Street พุ่งขึ้นแตะระดับ 38.47 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2020

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่มีปัจจัยลบรายล้อม เริ่มต้นด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนที่ล่าสุด ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ ได้แนะให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ออกคำสั่งให้กำลังพลจำนวน 8,500 นาย เตรียมพร้อมขั้นสูงสุดในกรณีที่ต้องมีการเคลื่อนพลไปช่วยกองกำลังขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) หากรัสเซียส่งทหารรุกข้ามพรมแดนเข้าไปยังยูเครน แต่ยังไม่มีกำหนดการแน่นอนว่าจะต้องเคลื่อนพลเมื่อใด และย้ำว่าการเตรียมการนี้มีจุดประสงค์ที่จะทำให้ NATO มั่นใจว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะเข้าช่วยหากต้องมีการใช้กำลังทหารเพื่อตอบโต้เหตุการณ์รุกยูเครนขึ้นมา

 

ขณะเดียวกันตลาดหุ้น Wall Street ยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งรวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.8 ในเดือนมกราคม แตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน

 

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้หลายฝ่ายมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ภายในเดือนมีนาคม

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้น Wall Street วานนี้สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เล็กน้อย และขยับขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกได้อีกครั้งจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุนส่วนหนึ่งที่เข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นก่อนผลการประชุม Fed

 

โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ขยับเพิ่มขึ้น 99.13 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 34,364.50 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 12.19 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 4,410.13 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 86.21 จุด หรือ 0.63% ปิดที่ 13,855.13 จุด

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของ Fed มีกำหนดประชุมหารือเป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคมนี้ โดยนักลงทุนต่างจับตารอดูผลประชุม Fed เพื่อทบทวนถ้อยแถลงปิดการประชุม รวมถึงช่วงถามตอบของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับกรอบเวลาที่ธนาคารกลางแห่งนี้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ

 

นักวิเคราะห์หลายสำนักกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้จะมีผลดีต่อการสกัดเงินเฟ้อ แต่ก็อาจส่งผลกระทบเชิงลบในแง่ของการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ โดยการใช้จ่ายของผู้บริหารถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักกว่า 2 ใน 3 ของ GDP ที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต

 

นอกจากการจับตาดูผลประชุม Fed แล้ว นักลงทุนยังรอดูรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสของบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อย่าง Microsoft (MSFT), IBM (IBM), Intel (INTC) และ Apple (AAPL)

 

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขยับตัวเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยลดลงมาอยู่ที่ 1.74% จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ขยับขึ้นไปแตะระดับ 1.8%

 

ด้านราคาน้ำมันยังคงขยับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 1.83 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ส่วนราคาทองคำวานนี้ (24 มกราคม) ปิดตลาดในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากการเทขายหุ้นในช่วงเปิดตลาด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 9.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,841.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising