วลาดิเมียร์ ปูติน คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเป็นสมัยที่ 4 ตามคาด หลังผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าปูตินมีคะแนนนำโด่งที่ 76% ทิ้งห่างอันดับ 2 พาเวล กรูดินิน คู่แข่งจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่ได้เพียง 12% อย่างขาดลอย ขณะที่ผลการหยั่งเสียงนอกคูหา หรือเอ็กซิตโพล ปรากฏว่าปูตินกวาดคะแนนเสียงท่วมท้นที่ 76.3%
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้ปูตินสามารถนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีรัสเซียต่อไปได้อีก 6 ปี และจะทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ยุคโจเซฟ สตาลิน ซึ่งปกครองสหภาพโซเวียตเกือบ 3 ทศวรรษ ระหว่างปี 1924-1953 อีกทั้งแซงหน้าเลโอนิด เบรจเนฟ ที่ครองอำนาจนาน 18 ปีในยุคสหภาพโซเวียต
ปูตินขึ้นกล่าวปราศรัยหลังจากที่ กกต. ประกาศผลการนับคะแนนเบื้องต้นว่า ชัยชนะครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงได้ให้การยอมรับในความสำเร็จของรัสเซียตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปูตินจะลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 5 หรือไม่ เขาหัวเราะก่อนตอบว่า “สิ่งที่คุณถามเป็นเรื่องค่อนข้างน่าตลกนะ คุณคิดว่าผมจะอยู่บนจุดนี้ยาวนานถึงอายุ 100 ปีเลยหรือ? ไม่ครับ”
การเลือกตั้งครั้งนี้ ปูตินยังได้คะแนนเสียงมากกว่าการเลือกตั้งในปี 2012 ซึ่งตอนนั้นได้อยู่ที่ 64% ส่งผลให้ปูตินมีอำนาจและความชอบธรรมมากขึ้นในการกำหนดนโยบายต่างๆ หลังจากนี้ ขณะที่ ศ.ดร.อนุราธ เชอนอย แห่งศูนย์รัสเซียและเอเชียกลางศึกษา มหาวิทยาลัยชวาหะร์ลาล เนห์รู ในอินเดีย แสดงความเห็นว่าการที่ปูตินได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นเพราะผลงานของเขาที่ทำให้รัสเซียมีเสถียรภาพดังเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
นอกจากปูตินและกรูดินินแล้วยังมีผู้สมัครอีก 6 คนที่ลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ด้วย ประกอบด้วย วลาดิเมียร์ ซิรินอฟสกี ผู้นำพรรค Liberal Democratic Party of Russia (LDPR) ซึ่งได้คะแนนราว 6.7%, เซเนีย ซอบชัค พิธีกรโทรทัศน์ชื่อดัง (2.5%), กริกอรี ยาฟลินสกี จากพรรค Yabloko (1.6%), บอริส ติตอฟ จากพรรค Growth Party (1.1%), เซอร์เกย์ บาบูริน หัวหน้าพรรค All-People’s Union (1%) และแม็กซิม ซูรายคิน หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งรัสเซีย (0.8%)
อ้างอิง:
