×

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์พัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค ประกาศรองรับ นทท. 150 ล้านคน ดันสุวรรณภูมิติดท็อป 50 ภายใน 1 ปี

โดย THE STANDARD TEAM
01.03.2024
  • LOADING...

วันนี้ (1 มีนาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ ‘Ignite Thailand, Aviation Hub’ เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคว่า ตนและรัฐบาลมีความเชื่อว่าศักยภาพของประเทศไทยพร้อมระเบิดออกมาเพื่อฉายแววให้ชาวโลกรู้ แต่เราต้องยอมรับก่อนว่าเรามีปัญหาอะไรบ้าง เพราะถ้าเราไม่ยอมรับ ปัญหาก็จะไม่มีทางออก ยืนยันว่าไม่ได้ว่าใครหรือทำให้ใครรู้สึกไม่ดี แต่เชื่อว่าการที่เราจะนำเรื่องนี้มาพูดคุยถือเป็นเรื่องที่ดี

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า 10 ปีก่อนสนามบินสุวรรณภูมิถือเป็นสนามบินที่ดีอันดับ 13 ของโลก แต่วันนี้อยู่อันดับ 68 ของโลก ตกมา 55 ระดับ และเพื่อนบ้านเราอย่างมาเลเซียที่ไม่ได้มีการลงทุนอะไรเลย แต่อันดับสูงขึ้น ซึ่งไม่ต้องพูดถึงสิงคโปร์เลย 

 

ทั้งนี้ คนต่างชาติอยากเข้ามาประเทศไทยแต่ติดปัญหาเที่ยวบินไม่เพียงพอ และภาษีการบินแพง ทั้งที่ความต้องการก็ล้น ดังนั้นถ้าเราไม่ทำอะไรก็จะวุ่นวายอย่างแน่นอน 

 

ขณะที่การรองรับท่องเที่ยว การโหลดกระเป๋าสินค้า แท็กซี่สนามบิน ระบบล่ม ไฟลต์บินเปลี่ยนผ่านน้อยลง เรื่องเหล่านี้ตนเชื่อว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนศักยภาพประเทศ ดังนั้นขอให้นึกภาพดูแล้วกัน 60 ล้านคนที่เข้ามา ถ้าไม่ทำอะไรก็อาจทำให้ตกจากอันดับ 68 ไปอีก

 

ปรับปรุงดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค

 

โดยแผนแรกคือ การเร่งแก้ไขสนามบินสุวรรณภูมิเป็นการเร่งด่วน โดยจะขยายข้อบกพร่อง ให้รองรับผู้โดยสารให้ได้ 60 ล้านคนจริงๆ ไม่ใช่รองรับแค่ 45 ล้านคน และไม่พอกับความต้องการจริงที่เข้ามา 

 

ส่วนจิ๊กซอว์ที่สองคือ การสร้างรันเวย์ที่ 3 ซึ่งจะเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้หรือเร็วกว่า จะทำให้เครื่องบินขึ้นลงได้ถึง 90 ลำ ไม่ใช่แค่ 60 ลำ

 

ส่วนเรื่องที่สาม จะต้องลดเวลาผู้โดยสารในการผ่านด่านจุดตรวจต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาการเดินทางที่ทำให้การเดินทางไม่เชื่อมต่อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กเล็ก รวมถึงอนาคตเรื่องของเหลวที่มีในกลุ่มสตรี แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ตนเชื่อว่ากรมท่าอากาศยานไทยคำนึงถึงและให้ความสำคัญมาก โดยจะต้องถูกแก้ไขภายใน 6 เดือน รวมถึงจะเปิดจุดเช็กอินเพิ่มและขยายเวลาการเปิดเช็กอินให้เร็วขึ้น รวมถึงเปิดเครื่องโหลดกระเป๋าอัตโนมัติ 

 

นอกจากนี้ต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง โดยเราจะเพิ่มบริษัทภาคพื้นดินในการดูแลการขนส่งและรถกระเป๋าต่างๆ โดยเปิดให้มีการแข่งขันหลายบริษัท เพื่อบังคับให้เขาบริการให้ดีที่สุดกับนักท่องเที่ยวและประชาชนคนไทยทุกคน เพราะในอดีตบริษัทที่เข้ามาก็มีปัญหา

 

นายกฯ ยังกล่าวถึงการคัดเลือกผู้รับเหมาว่า หากทำไม่ดีก็ต้องมีการลดเกรด เพื่อให้มีการวิเคราะห์และพัฒนาตลอดซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากทำได้จะทำให้การเข้าออกประเทศมีความสมดุลและตรวจสอบได้หมด รวมถึงทำให้รวดเร็ว ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่า 6 เดือนต่อจากนี้จะไม่เห็นผู้โดยสารที่ต้องรอคิวเช็กอินนานๆ

 

นอกจากนี้เราต้องขยายโครงสร้างพื้นฐานสุวรรณภูมิในระยะยาว อาทิ เรื่องการขนส่งสินค้าต้องพัฒนาทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องการพัฒนาคนอย่างเดียว โดยเราจะมีการสร้างเชื่อม 2 เทอร์มินอล เพราะจะทำให้การขนถ่ายผู้โดยสารและสินค้าดีขึ้น 

 

ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 150 ล้านคน

 

นายกรัฐมนตรีระบุอีกว่า จาก 2 สนามบิน (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) ถ้าเราสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ 150 ล้านคน ก็จะทำให้หลายภาคส่วนเติบโต แล้วจะทำให้เศรษฐกิจไทยรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน จากนั้นค่อยพิจารณาเรื่องการขยายเทอร์มินอลที่ 4 

 

ส่วนเรื่องคลังสินค้า ถ้าเราทำให้เป็นศูนย์กลางได้ก็จะทำให้ตลาดในภูมิภาคนี้อยู่ในมือของไทย เพราะมีสินค้าผ่านสุวรรณภูมิ 1.2 ล้านตันต่อปี ฉะนั้นการยกระดับคลังสินค้าก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเราจะต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพราะจุดมุ่งหมายของเราคือต้องทำให้เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว

 

ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะทำให้ก้าวแรกที่ผู้โดยสารเดินเข้ามาสู่สุวรรณภูมิต้องมีความมั่นใจ รวมถึงทำให้การขนส่งสินค้าดีขึ้น 

 

ยกระดับสนามบินดอนเมือง-ภูมิภาค

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราจะเปลี่ยนสนามบินดอนเมืองให้มีจุดเด่น รวมถึงขยายขีดความสามารถให้สูงขึ้น จากปัจจุบันรับผู้โดยสารปีละ 30 ล้านคน เพื่อให้สามารถรับได้ถึง 50 ล้านคน และพัฒนาเรื่องร้านค้าเพื่อเป็นจุดหลักในการส่งสินค้า OTOP ด้วย ส่วนการพัฒนาเรื่องที่จอดรถ ภายในปี 2572 เราจะเพิ่มการรองรับ 5 เท่า เป็น 7,600 คัน 

 

นอกจากนี้ต้องมีการขยายศูนย์การซ่อมเครื่องบินไพรเวตเจ็ต โดยไม่ต้องบินไปสิงคโปร์อีกต่อไป นอกจากนี้เราก็จะมีการพัฒนาสนามบินตามภาคต่างๆ ด้วย อาทิ ภาคใต้ภูเก็ต ภาคเหนือเชียงใหม่ รวมถึงสนามบินย่อยอื่นๆ ก็จะต้องมีการพัฒนาเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยจะต้องไม่มีความแออัด พร้อมย้ำว่า ความมั่นคงจะต้องควบคู่ไปกับความมั่งคั่งในรัฐบาลนี้ 

 

เผยแผนหลังฟื้นฟู ดัน ‘การบินไทย’ สู่ท็อป 3 ของโลก

 

ส่วนการพัฒนาสายการบินไทยที่เป็นสายการบินแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ต้องพัฒนาอย่างเหมาะสม อาทิ ตั๋วที่มีปัญหาเรื่องเอเจนต์และทำให้เต็มบ่อย ต้องพัฒนาเรื่องตั๋วออนไลน์ ซึ่งต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา และการจัดตารางเวลาก็ต้องทำให้เหมาะสม เพราะเมื่อเราหมดจากแผนฟื้นฟูแล้ว เราก็จะมายกระดับให้การบินไทยมีระดับที่ดี หรือเป็นอันดับท็อป 3 ของโลก

 

ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีระบุว่า เราตั้งเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และนักเดินทาง 150 ล้านคน ขอประกาศว่าต่อจากนี้ใน 1 ปี สุวรรณภูมิจะเป็นสนามบินท็อป 50 ของโลก และภายใน 5 ปีจะต้องอยู่ในท็อป 20 ให้ได้ วันนี้เราตื่นแล้ว และเราต้องตื่นมาร่วมกันพัฒนาเพื่อให้ความฝันนั้นเป็นจริง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising