“ซงจุงกิครับ รับบท Vincenzo ทนายมาเฟีย Consigliere จากอิตาลีครับ ยินดีที่ได้พบกันครับ”
“สวัสดีค่ะ ชอนยอบิน รับบท ฮงชายอง เป็นทนายความค่ะ”
“อ๊กแทคยอนครับ รับบท จางจุนอู ทนายฝึกหัดสุดโก๊ะครับ”
ซงจุงกิ ชอนยอบิน อ๊กแทคยอน สามนักแสดงนำจากซีรีส์ Vincenzo เปิดตัวด้วยการทักทายสื่อมวลชนทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกที่เข้าร่วมสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอล คุยสดจากกรุงโซล เกาหลีใต้ ในวันแถลงข่าวเปิดตัวกับสตรีมมิง Netflix ที่จะฉายซีรีส์ให้แฟนๆ ได้ชมกันในทุกสัปดาห์
อย่างย่นย่อที่สุด ซีรีส์ Vincenzo นำเสนอความแปลกใหม่ของตัวละครหลักของเรื่อง วินเซนโซ่ กาซาโน (รับบทโดย ซงจุงกิ) ดาร์กฮีโร่ที่เป็นทนายที่ปรึกษาให้กับมาเฟียอิตาลี ในที่สุดเขากลับมาเกาหลี ได้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับการต่อสู้กับศัตรูที่น่าเกรงขาม โดยร่วมมือกับ ฮงชายอง (รับบทโดย ชอนยอบิน) พวกเขาจะลงโทษเหล่าคนชั่วแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน และทำให้เรื่องราวเดือดขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันซีรีส์เรื่องนี้จะสอดแทรกฉากตลกๆ น่ารักๆ ให้ได้ฟินกันด้วย
ความน่าสนใจของ Vincenzo คือการกลับมารับงานซีรีส์ในรอบ 2 ปีของซงจุงกิ ทั้งยังมาในบทบาทที่ตัวเขาเองไม่เคยแสดงมาก่อน ยิ่งได้ ชอนยอบิน นักแสดงหญิงมาแรงแห่งยุค ร่วมด้วย อ๊กแทคยอน ก็ทำให้เห็นเคมีน่าสนใจบางอย่างจากแคสต์นักแสดงชุดนี้ที่จะทำให้ตัวเรื่องราวเดือดได้ไม่รู้จบตลอด 16 อีพีที่จะออกอากาศ
THE STANDARD ร่วมสัมภาษณ์พวกเขาแล้ว บอกได้เลยว่า Vincenzo เป็นซีรีส์ที่จะติดตามแบบเกาะติดหน้าจอ!
คาแรกเตอร์ของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง
ซงจุงกิ: จุดร่วมของเราสามคนคือเป็นตัวละครที่ประกอบอาชีพทนาย แต่เอาจริงแล้วตัวละครเราต่างกันมาก ผมเป็นมาเฟียมาจากอิตาลี เรียกว่า Consigliere ถ้าเกิดรู้สึกว่าเข้าใจยาก ให้นึกถึงภาพยนตร์ดังเรื่อง The Godfather มีตัวละครชื่อว่า ทอม เป็นทนายความที่ปรึกษา อยู่ใต้ อัล ปาชิโน คอยควบคุมการทำงาน บทวินเซนโซ่เป็นมาเฟียอิตาลีที่มาเกาหลี ถึงแม้จะไม่มีใบประกอบอาชีพในเกาหลี แต่ก็มาช่วยจัดการเรื่องราวต่างๆ
ชอนยอบิน: ฉันรับบท ฮงชายอง เป็นทนายตัวท็อปของบริษัทกฎหมายที่เกาหลี ฮงชายองไม่สนใจว่าอะไร ‘ดี’ หรือ ‘ไม่ดี’ แต่สนใจว่าทำแล้วตัวเองจะได้กำไรอะไร มองแต่ส่วนได้ส่วนเสีย เป็นคนที่วิ่งเข้าหาผลประโยชน์ของตัวเองค่ะ
อ๊กแทคยอน: ผมรับบท จางจุนอู ครับ จุนอูเป็นตัวละครที่ไร้เดียงสา ทำพลาดบ่อยๆ มองแต่ชายองเสมอ เป็นตัวละครที่จะทำให้คนดูเกิดความสงสัยว่าสอบผ่านเนติฯ เข้ามาได้ยังไง ผมว่าเขาเป็นทนายฝึกหัดที่น่ารักมากครับ
ไม่ว่าจะที่ไหน สังคมไหน ประเทศอะไร ก็มีคนชั่วอยู่เสมอ
ทำไมพวกคุณถึงตกลงรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้ มีอะไรเป็นแรงดึงดูดพวกคุณ
ซงจุงกิ: เหมือนกับที่เรากำลังทำ APAC Press Con ในตอนนี้ ซีรีส์ไม่ได้พูดถึงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะที่ไหน สังคมไหน ประเทศอะไร ก็มีคนชั่วอยู่เสมอ ล่าสุดนี้เวลาดูข่าวที่เกาหลี ก็มีหลายเรื่องที่เห็นแล้วผมโกรธจนน้ำตาจะไหล ในซีรีส์เรื่อง Vincenzo มีตัวร้ายอยู่เยอะมาก ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นตัวร้ายที่มีอยู่จริงในโลกของเรา ซีรีส์มีวิธีการจัดการกับคนชั่วเหล่านั้นแบบแปลกใหม่ ทำให้ผมโล่งใจ และมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้น่ะครับ
ชอนยอบิน: ฉันว่าทุกตอนของซีรีส์ไม่สามารถคาดเดาได้ ดำเนินเรื่องไปแบบรวดเร็วและมีรายละเอียดเยอะ เลยอยากร่วมงานนี้มากๆ ค่ะ แล้วตัวละครแต่ละตัวในคดีเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ในบรรดาตัวละครเหล่านั้น ฮงชายองเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก อ่านบทแล้วรู้สึกทันทีเลยว่าอยากแสดงเป็นตัวเธอ
อ๊กแทคยอน: ตอนได้อ่านบท มีสองสิ่งที่ดึงดูดผม อย่างแรกคือสตอรีไลน์ของบทและคำอธิบายที่อยู่ในนั้นถูกเขียนออกมาอย่างดีมาก พอผมอ่านบทปุ๊บก็วาดภาพในหัวได้ปั๊บเลย สามารถเข้าใจสิ่งที่นักเขียนอยากจะสื่อออกมาได้ทันที เป็นบทที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นจริงได้ อีกอย่างคือ ตัวละครจุนอูเป็นตัวละครที่จะได้เห็นการเติบโต เริ่มจากการที่คอยมองแต่ชายอง จะทำให้เกิดความสงสัยว่าจุนอูจะพัฒนาต่อไปยังไงบ้าง ก็เลยตัดสินใจรับบทนี้ครับ
พอได้มาทำงานร่วมกันในซีรีส์ Vincenzo มีความรู้สึกต่อกันอย่างไรบ้าง
ชอนยอบิน: เท่าที่รู้ ฉันถูกแคสต์เป็นคนแรกในเรื่อง Vincenzo ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะมีรุ่นพี่ซงจุงกิและอ๊กแทคยอนร่วมด้วย ก็รอคอยมาตลอดว่าจะเป็นใคร พอได้ยินข่าวก็ดีใจมากๆ สำหรับรุ่นพี่แทคยอนเราเคยเจอกันแป๊บหนึ่งในละครเรื่อง Save Me
ส่วนรุ่นพี่จุงกิ เป็นนักแสดงที่ฉันชอบที่สุดตอนสมัยเรียน เลยตื่นเต้นมาก รอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกัน พอได้มาเจอและร่วมงานกันรู้สึกว่ารุ่นพี่จุงกิเป็นคนที่ละเอียดมาก ได้เรียนรู้จากเขาเยอะมากทั้งในตอนนี้และตอนที่อยู่ในกองด้วย รู้สึกขอบคุณมากค่ะ ส่วนรุ่นพี่แทคยอน เราเข้ากันได้ดีมากตั้งแต่การถ่ายทำครั้งแรก จนสงสัยว่าได้รับพลังที่ดีและเข้ากันขนาดนี้ได้ยังไงนะ
ซงจุงกิ: ผมได้เจอกับทั้งยอบินและแทคยอนเป็นครั้งแรกเลย ตอนได้ยินครั้งแรกว่าจะได้ร่วมงานกัน ผมได้เจอกับตัวละครผ่านจากในบทมาหมดแล้ว เลยรู้สึกว่าจับคู่ตัวละครกับนักแสดงได้ดีมาก เหมาะกับทั้งสองคนเลย พอได้เจอตัวจริงที่มีตติ้งรวมกับสตาฟฟ์ รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเลยว่าถ่ายทำละครกับสองคนนี้จะต้องสนุกแล้วก็มีกำลังใจมากแน่นอน
อ๊กแทคยอน: ถ้าย้อนกลับไปครั้งแรกที่ได้เจอกัน รุ่นพี่จุงกิเขาเป็นวินเซนโซ่เรียบร้อยแล้วครับ มีทั้งความละเอียด ความเพอร์เฟกต์ของวินเซนโซ่ เห็นแล้วรู้สึกอิจฉาเลย เตรียมตัวมาไว้อย่างดีแล้ว ก็รู้สึกว่าเขาเพอร์เฟกต์มากจริงๆ
ส่วน ชอนยอบิน ปกติคนส่วนมากจะรู้สึกกังวลการถ่ายซีนแรก ถ่ายทำครั้งแรก แต่ว่าขนาดซีนแรกก็ไฟลุกเลย มุ่งมั่นมาก ผมตกใจเลยครับ ตอนถ่ายครั้งแรกเป็นฉากที่ยอบินลงไปนอนราบกับโต๊ะ รู้สึกว่าตัวละครกับบทละครเข้าไปซึมซับในตัวเขาเรียบร้อยแล้ว ผมรู้สึกว่าเขาเหมือนฟองน้ำ ซึมซับทุกอย่างแล้วปรับมาเป็นของตัวเอง และแสดงออกมาได้เท่มากครับ
Vincenzo มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโลกของมาเฟีย คุณได้ศึกษาคาแรกเตอร์ของมาเฟียจากหนังเรื่องไหนมาก่อนบ้างไหม
ซงจุงกิ: ตอนที่ได้ยินว่าจะทำละครเกี่ยวกับทนายความมาเฟียจากอิตาลี บอกตรงๆ เลยผมคิดว่านี่มันอะไรเนี่ย เพราะว่าคอนเซปต์มาเฟียเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับเกาหลี เลยคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ แต่พอได้เห็นบทแล้ว ผมรู้สึกว่าผู้กำกับและนักเขียนได้ผสมผสานเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเกาหลีและคอนเซปต์ของมาเฟียออกมาได้เยี่ยมยอด
ปกติผมจะหลีกเลี่ยงการรับบทที่เคยมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบทที่ผมเคยเล่นเองหรือว่าไม่ได้เล่นเองก็ตาม ในมุมนี้เรื่องนี้ก็เลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก ทนายมาเฟียที่จะมาจัดการกับคนชั่วร้ายในสังคมเกาหลี ด้วยวิธีการจัดการแบบที่ผมก็รู้สึกอินไปด้วย ทำให้ได้รู้ว่าในใจผมก็มีความโกรธนี้อยู่มากเหมือนกัน
รู้สึกอย่างไรเมื่อตัวละคร ฮงชายอง ที่คุณเล่นเป็นคนเย็นชาและพูดจาตรงไปตรงมา
ชอนยอบิน: ฮงชายองเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเอง จนบางทีถ้ามองในมุมของศีลธรรม ภาพชายองที่ไม่รู้สึกอายอะไรเลยอาจจะดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ในกระบวนการที่ชายองวิ่งเข้าหาความปรารถนาของตัวเองก็เป็นอะไรที่สนุก ความตรงไปตรงมาของชายองที่ต่างจากตัวฉันที่ตรงไปตรงมาน้อยกว่าเธอ ชายองเป็นผู้หญิงแบบที่คุณจะไม่เคยได้พบมาก่อน หวังว่าจะเป็นตัวละครที่คุ้มค่ากับการชมค่ะ
จางจุนอู ค่อนข้างต่างจากภาพลักษณ์ผู้ชายแมนๆ ของคุณอยู่สักหน่อย คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่รับเล่นเป็นตัวละครนี้
อ๊กแทคยอน: ผมใช้ชีวิตเป็นตัวละครจุนอูมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ทุกอย่างสนุกมากเลยครับ ที่จริงแล้วตัวละครจุนอูเป็นตัวละครที่ไร้เดียงสา ไม่มีสติ มองแต่ชายอง ผมคิดว่าถ้าให้คิดคติประจำใจในชีวิตจุนอู น่าจะเป็น ‘ใช้ชีวิตให้สนุกสนานกันเถอะ’
บทจุนอูเป็นทนายฝึกหัดที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรครับ ผมเลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าตัวผมเองน่าจะรู้อะไรเยอะกว่าจุนอูด้วยซ้ำ จุนอูเป็นตัวละครที่ไม่รู้อะไรถึงขั้นนั้นเลยครับ (หัวเราะ)
คุณและตัวละครของคุณมีความคล้ายคลึงกันอย่างไร อะไรที่ทำให้คุณเชื่อมโยงกับตัวละครของคุณบ้างไหม
ซงจุงกิ: ส่วนที่คล้ายกันมากที่สุดน่าจะเป็นความน่าเชื่อถือ วินเซนโซ่เป็นตัวละครที่ถ้าเห็นอะไรที่รู้สึกว่ามันผิด เขาก็จะรีบแสดงออกมาทันทีเลยว่าผิดนะ ซึ่งคล้ายกับตัวผมในชีวิตจริง ไม่ว่าจะในสถานการณ์หรือคดี ถ้ามีอะไรที่มันผิดแปลกไปจากสามัญสำนึก ผมก็จะทนไม่ได้เช่นกัน ถ้าเทียบกับเบสบอลก็คือเป็นพิตเชอร์ที่ขว้างลูกออกไปตรงๆ ขว้างแบบอ้อมๆ ไม่เป็น เป็นจุดที่วินเซนโซ่และซงจุงกิคล้ายกัน จุดที่ต่างก็ชัดเจนเลยครับ ซงจุงกิไม่เคยไปแถวอิตาลีเลย อยากไปมาก โดยเฉพาะมิลานบ้านเกิดของวินเซนโซ่ ผมอยากไปที่สุดแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปครับ
ชอนยอบิน: จุดที่คล้ายกับชายองคือแพสชันและความรักที่มีให้กับงานของตัวเอง น่าจะเป็นอันนั้นค่ะ แล้วก็มีความกระหายที่อยู่ลึกในใจ เอาสิ่งนั้นมาเป็นพลังในการใช้ชีวิต ค่อนข้างคล้ายกัน แต่ว่าวิธีการแสดงออกและปลดปล่อยออกมาต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนแสดงเป็นชายอง บางทีก็รู้สึกเติมเต็มบางอย่างในตัว เช่น การได้มาเจอชายองทำให้ชีวิตเต็มเปี่ยมมากขึ้น ได้ลองเดินไปในเส้นทางที่ฉันเองก็ไม่เคยเดินมาก่อน
อ๊กแทคยอน: จุดที่ผมและจุนอูคล้ายกันคือ เวลาที่สนุกก็จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน และทำให้คนอื่นรู้สึกสนุกไปด้วย จุดที่ต่างก็คือจุนอูเป็นคนขี้โมโหมาก เวลาเขาโมโห จะมีบางอย่างที่เขาแสดงออกมา เป็นส่วนที่ต่างกับผม ผมเป็นคนที่ถ้าโมโหจะพยายามอดทนเอาไว้มากกว่า
ผมคิดว่าถ้าให้คิดคติประจำใจในชีวิตจุนอู น่าจะเป็น ‘ใช้ชีวิตให้สนุกสนานกันเถอะ’
การทำงานร่วมกันระหว่างถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง ในกลุ่มพวกคุณมีใครที่เป็น Mood Maker บ้าง
ซงจุงกิ: ถ้าต้องเลือกคนเดียว ผมเลือกคุณอ๊กแทคยอนครับ ที่สัมภาษณ์อยู่ตอนนี้เขาพยายามบังคับใจตัวเองอยู่ แต่ที่จริงแล้วเป็นคนสดใสมาก เป็นคนที่ทำให้บรรยากาศกองถ่ายเบิกบาน ผมเชื่อว่าถ้าวันนี้นักแสดงคนอื่นมาด้วยก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน ที่จริงผมมีถ่ายกับคุณยอบินเยอะกว่าคุณแทคยอน แต่ขนาดซีนไม่เยอะ เขาก็ทำให้ผมหัวเราะออกมาจริงๆ ได้ตลอดเลย ตลกมากๆ ทำให้ได้รู้สึกอีกครั้งว่าเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำงานในที่ที่สนุกสนานขนาดนั้น
ชอนยอบิน: เหมือนกันค่ะ ถ้าให้เรื่องมู้ดเมกเกอร์น่าจะมีหลายแบบค่ะ พี่แทคยอนเป็นเหมือนกับวิตามินค่ะ สดใสมาก ขาดไปไม่ได้ ส่วนพี่จุงกิเหมือนกับออกซิเจน จะไม่มีอยู่ไม่ได้ เป็นสองคนที่สร้างบรรยากาศให้กับพวกเรา เป็นบุคคลที่จำเป็นต้องมีอยู่ในกองถ่าย
อ๊กแทคยอน: งั้นผมเลือกคุณยอบินครับ ฉากที่ถ่ายกับคุณยอบินมีแต่ฉากที่สดใส สนุก และบทชายองที่คุณยอบินเล่นก็เป็นตัวละครที่หลงตัวเอง เวลาเห็นภาพแบบนั้น ทั้งผู้กำกับ ทีมงาน นักแสดงทุกคนก็จะรู้สึกสนุก รู้สึกว่าเขาน่ารักน่าเอ็นดู ผมเลยขอเลือกคุณยอบินให้เป็นมู้ดเมกเกอร์ในกองถ่ายครับ
การร่วมงานกับนักเขียนบท/ผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง อยากให้พวกคุณเล่าให้ฟังหน่อย
ซงจุงกิ: พวกเราเข้ากันได้ดีมากเลยครับ สำหรับผมถือเป็นประสบการณ์ใหม่มาก ปกติแล้วละครเกาหลีส่วนมากนักเขียนจะเป็นผู้หญิง ผู้กำกับจะเป็นผู้ชาย แต่ว่าในเรื่องนี้นักเขียนเป็นผู้ชาย ผู้กำกับเป็นผู้หญิง วิธีการเข้าถึงละครก็เลยแปลกใหม่ ผู้กำกับคอยช่วยชี้ให้เห็นถึงจุดที่ผมนึกไม่ถึง ส่วนอะไรที่รู้สึกว่าคุ้นชินอยู่แล้วนักเขียนก็ช่วยทำให้มองเห็นมุมใหม่ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และสนุกมาก
ชอนยอบิน: เป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีเสน่ห์ค่ะ เมื่อกี้ตอนแถลงข่าวก่อนหน้านี้ รุ่นพี่จุงกิบอกว่าพวกเราได้มาเจอกันราวกับโชคชะตากำหนดไว้ ฉันเห็นด้วยกับคำพูดนั้นมากๆ ทั้งนักเขียน ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานทุกคนเหมือนได้มาเจอกันเพราะพรหมลิขิต และเรากำลังสนุกสนานกับโอกาสนั้นอยู่
อ๊กแทคยอน: ก่อนอื่นเลยผมรู้สึกเสมอระหว่างถ่ายทำว่าแค่ได้ร่วมงานกับทั้งสองท่านก็เป็นเกียรติแล้ว ตอนที่ได้บทมาแล้วก็ถ่ายทำเนี่ย รู้สึกเหมือนเป็นการ Collaboration ของอัจฉริยะกับอัจฉริยะ เลยพยายามจะไม่เป็นตัวถ่วงและตั้งใจทำงานครับ
มาถึงคำถามสุดท้ายแล้ว อยากให้พวกคุณพูดถึง Vincenzo ว่าอะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ
อ๊กแทคยอน: เพราะผมแสดงครับ ล้อเล่นครับ มีนักแสดงยอดเยี่ยมหลายท่าน เรื่องราวก็สุดยอด ผู้กำกับก็เยี่ยม มีหลายๆ ท่านที่ช่วยพยายามทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ออกมายอดเยี่ยม ส่วนตัวรู้สึกว่าเหตุผลที่ต้องดูคือคลิฟแฮงเกอร์ในทุกอีพี ตอนจบที่ทำให้อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
ชอนยอบิน: ก่อนอื่นก็เพราะฉันแสดงค่ะ (หัวเราะ) สิ่งที่รู้สึกจากตอนอ่านบทคือ ทุกตอนเหมือนโชว์ดอกไม้ไฟเลยค่ะ แต่ละตอนรู้สึกเหมือนมีคนจัดงานเทศกาลที่สนาม และฉันได้รับเชิญไป เขาจัดงานขนาดนี้แล้ว คนที่ไม่มานี่น่าเสียดายนะ อยากให้ทุกคนมาสนุกด้วยกันค่ะ
ซงจุงกิ: เป็นละครคอเมดี้ที่ไม่ได้เห็นกันมานานครับ ในช่วงที่ไม่มีเรื่องให้เราหัวเราะกันได้เท่าไร อยากให้เป็นสุดสัปดาห์ที่ทำให้ทุกคนหัวเราะ สนุกสนานไปกับครอบครัวได้ ดูแล้วไม่รู้สึกว่าหนักไป ผมอยากแนะนำซีรีส์เรื่อง Vincenzo ให้ได้ดูกันครับ
ตัวอย่างซีรีส์ Vincenzo
ภาพ: Netflix
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า