×

วิกฤตยังไม่จบ! ผู้จัดการกองทุนแนะเลือกหุ้นเวียดนามเป็นรายตัวแทนซื้อดัชนี หลังภาคอสังหาเบี้ยวหนี้

23.02.2023
  • LOADING...

ดัชนีหุ้นเวียดนามเมื่อปี 2022 ดิ่งลงประมาณ 35% ล้างภาพของตลาดหุ้นที่เคยเติบโตดีมาตั้งแต่ต้นปี 2020 จนขึ้นไปสู่จุดพีคในช่วงปลายปี 2021 

 

แม้ว่าหุ้นเวียดนามจะดิ่งลงอย่างรุนแรงจนทำให้นักลงทุนจำนวนมากมองว่าเป็นโอกาสของการเข้า ‘ช้อนซื้อ’ ทำให้ดัชนี VN30 บวกขึ้นมาราว 12% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จาก 1,005 จุด ไปแตะระดับ 1,142 จุด แต่หลังจากนั้นดัชนีกลับดิ่งกว่า 100 จุด มาสู่ระดับ 1,025 จุดในเวลานี้ ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ติดลบมากที่สุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ปัจจัยลบที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งเป็นปัจจัยต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อนประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ตามมุมมองของ พสุวุฒิ วิไลนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ 

 

  1. การปราบปรามคอร์รัปชัน
  2. การขาดสภาพคล่องของบริษัทอสังหาริมทรัพย์
  3. สภาพคล่องในตลาดที่ลดลงจากดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้น 

 

พสุวุฒิกล่าวต่อว่า ปัญหาเหล่านี้นักลงทุนรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว อย่างกรณีของ No Va Land ที่มีปัญหาสภาพคล่อง หรือการที่ Truong My Lan เศรษฐีด้านอสังหาของเวียดนามที่ถูกจับกุมตั้งแต่ปีก่อน นำมาสู่การเร่งปราบปรามคอร์รัปชัน และทำให้สภาพคล่องของอุตสาหกรรมอสังหาเริ่มตึงตัว ส่วนหนึ่งเพราะการสั่งห้ามบริษัทอสังหาออกขายหุ้นกู้ใหม่ 

 

นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางเวียดนามตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 2% จนทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากพุ่งขึ้นถึง 9% ทำให้นักลงทุนจำนวนมากดึงเงินออกไปจากตลาดหุ้น และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ต้นทุนการเงินของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นมาก 

 

“สำหรับฟองสบู่อสังหาของเวียดนามเรียกได้ว่าแตกไปแล้ว โดยเฉพาะโครงการบ้านราคาแพงซึ่งถูกเข้ามาเก็งกำไร หลายแห่งกลายเป็นเมืองร้าง” 

 

อย่างไรก็ตาม แนวทางของรัฐบาลเวียดนามต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจะเป็นการปล่อยให้บริษัทที่มีปัญหาล้มละลายไป หรือหากไม่ล้มก็จะเป็นการบังคับขายที่ดินหรือสินทรัพย์เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ อย่างกรณีของ No Va Land น่าจะถูกธนาคารพาณิชย์รุมยึดสินทรัพย์

 

คำถามสำคัญที่ตามมาคือ วิกฤตภาคอสังหาจะลุกลามหรือไม่ 

 

“เชื่อว่าแบงก์ที่ไม่ได้ปล่อยกู้ในสัดส่วนที่มากให้กับบริษัทที่มีปัญหา น่าจะโดนผลกระทบเพียงเล็กน้อย ส่วนแบงก์ที่ปล่อยมากจะเห็นตัวเลข NPL พุ่งขึ้นแน่นอน 

 

“กรณีเลวร้ายสุดของปัญหาที่เกิดขึ้นคือ รายย่อยที่มีสินเชื่อบ้านเริ่มรู้สึกกังวลว่าตลาดอสังหาน่ากลัว จนนำไปสู่การหยุดจ่ายคืนเงินต้น และนำไปสู่หนี้เสียจำนวนมาก แต่ส่วนตัวมองว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดน้อย” 

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอสังหาและกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คิดเป็นสัดส่วนต่อเศรษฐกิจเวียดนามราว 40% และ 30% ตามลำดับ ทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนในเวียดนามจะถูกกดดัน และทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามอาจจะไม่ได้ถูกอีกต่อไป 

 

หลังจากนี้นักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นเวียดนามจะต้องเลือกหุ้นเป็นรายตัวมากขึ้น แทนที่จะซื้อดัชนีอย่างช่วงก่อนหน้านี้ หรือหากใครที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมก็ควรเลือกกองทุน Active มากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่มีน้ำหนักของหุ้นอสังหาไม่มาก 

 

“อย่างกองทุน Private Fund ที่เราบริหารอยู่ อย่างกลุ่มแบงก์จะเลือกลงทุนเพียง 2-3 แบงก์ที่ดีจริงๆ จากทั้งหมด 20 กว่าแบงก์ ปีนี้ต้องเลือกมากขึ้นถึงระดับนี้” 

 

พสุวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับหุ้นกลุ่มอสังหาน่าจะซึมลงไปทั้งกลุ่ม โดยอาจจะมีบางกลุ่มที่เน้นขายบ้านในราคาที่คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ เช่น 1-3 ล้านบาท ยังเป็นกลุ่มที่พอไปได้ ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคยังดีอยู่ ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเป็นโอกาสลงทุนถ้าเลือกหุ้นได้ถูกตัว 

 

“จุดตายของเวียดนามคือเรื่องดอกเบี้ย ถ้าเริ่มลดดอกเบี้ยได้เมื่อใดจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาด และความกดดันเรื่องต้นทุนการเงินของบริษัทจะเริ่มลดลง และกลุ่มอสังหาจะค่อยๆ ฟื้น”

 

ปัจจุบันเศรษฐกิจเวียดนามยังค่อนข้างเล็ก ทำให้ต้องดำเนินนโยบายการเงินล้อไปกับทิศทางของโลก หากสหรัฐอเมริกายังไม่ลดดอกเบี้ย หรือยังขึ้นดอกเบี้ยไม่สุด เวียดนามก็คงลดดอกเบี้ยไม่ได้ 

 

ส่วนกรณีดีสุดที่จะช่วยให้หุ้นเวียดนามฟื้นตัวเร็ว คือปัญหาหนี้เสียไม่ลุกลาม ทำให้กลุ่มธนาคารฟื้นตัวเร็ว และปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวไม่รุนแรง ทำให้การส่งออกของเวียดนามฟื้นตัวดีขึ้น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising