ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเวียดนามตั้งเป้าขยายอาณาจักร EV เล็งสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐอเมริกา

Le Thi Thu Thuy ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของวินฟาสต์กรุ๊ป ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของเวียดนาม เผยแผนเตรียมสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ และตั้งเป้ากำลังการผลิตที่หนึ่งล้านแพ็กต่อปี เพื่อให้บริษัทสามารถเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกแบบครบวงจร หลังจากที่บริษัทได้เปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในเวียดนามแล้ว

การเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทางวินฟาสต์มีแผนที่จะเริ่มต้นสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่โรงงานผลิตในสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 โดยวินฟาสต์ตั้งเป้าบุกตลาดสหรัฐฯ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า SUV ราคาเข้าถึงได้ และรูปแบบการให้เช่าแบตเตอรี่ของบริษัท ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2024 เช่นกัน

ซีอีโอของวินฟาสต์และรองประธานวินกรุ๊ปกล่าวว่า ทางบริษัทตั้งเป้าที่จะสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ เพื่อให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ของบริษัทเป็นไปอย่างครบวงจรมากขึ้น โดยขณะนี้ตัวเลือกสถานที่ตั้งของโรงงานแคบลงมาจาก 50 แห่ง เหลืออยู่เพียง 3 แห่งแล้ว และเตรียมจะลงพื้นที่ดูสถานที่จริงอีกครั้งก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการเลือกสถานที่ตั้งโรงงานที่ทางวินฟาสต์ระบุว่าจะเป็นโรงงานผลิตครบวงจรขนาดใหญ่ของบริษัทในสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางวินกรุ๊ปบริษัทแม่ต้นสังกัดของวินฟาสต์ระบุว่า บริษัทได้เริ่มสร้างโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่มูลค่า 174 ล้านดอลลาร์ สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าวินฟาสต์ โดยในระยะแรกบริษัทวางแผนที่จะผลิตแบตเตอรี่แพ็ก จำนวน 100,000 แพ็กต่อปี หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,000,000 แพ็กต่อปี และจะดำเนินการผลิตอย่างเต็มขีดความสามารถตั้งแต่ปี 2025

วันเดียวกัน ทางสถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า Stellantis บริษัทแม่ของค่ายรถยนต์ Jeep Cherokee, Chrysler, Fiat, Ram และ Peugeot ได้บรรลุข้อตกลงกับทาง Amazon เพื่อนำซอฟต์แวร์ของ Amazon ไปติดตั้งในรถยนต์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Stellantis ทั้งหมด รวมถึงส่งมอบรถตู้ไฟฟ้าให้กับทาง Amazon เพื่อไว้สำหรับรับส่งพัสดุต่อไป

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางบรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ ทั่วโลกที่หันมาทำข้อตกลงกับบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น ปีที่ผ่านมา Ford ได้บรรลุข้อตกลงกับทาง Google ในการให้บริการจัดเก็บข้อมูลของเจ้าของรถ ขณะที่ค่าย GM บรรลุข้อตกลงกับ Microsoft เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ในรถยนต์

ทั้งนี้ แถลงการณ์ของ Stellantis และ Amazon ระบุว่าสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันภายใต้โครงการต่างๆ ซึ่งนอกจากการพัฒนาซอฟต์แวร์รถยนต์แล้วยังรวมถึงการอบรมพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ด้วย

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH