ย่อส่วนรองเท้าบู๊ตลงแก้วเนโกรนี Vero Trattoria & Bar บาร์ที่ซ่อนตัวในร้านสูทอิตาลีของคนย่านทองหล่อ

อันที่จริงก็ยังไม่แน่ใจว่า ‘สมชาย’ คือหนุ่มไทยที่เกิดและโตในอิตาลี หรือเขาคือชายหนุ่มชาวอิตาเลียนที่ดันหลงรักความเป็นไทย จนซึมซับเข้าไปในสายเลือดกันแน่ ถึงได้มาปรากฏกายที่กลางใจซอยทองหล่อแบบเนียนๆ แต่ที่ชัดเจนคือ ชายคนนี้มีเสน่ห์ในการคัดสรรและนำเสนอวิถีชีวิตด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุดในทุกด้านให้ใครก็ตามที่เขาได้รู้จัก

The Somchai ร้านแต่งกายของคุณสุภาพบุรุษ

The Concept

ภายใต้แบรนด์ The Somchai ร้านตัดสูทที่หลายคนรู้จักในด้านการดูแลไลฟ์สไตล์ของชายหนุ่มตั้งแต่ในเรื่องการแต่งกาย ด้วยการคัดสรรแบรนด์นำเข้าจากหลายประเทศอย่างอิตาลี อังกฤษ ออสเตรีย หรือแม้แต่งานแฮนด์เมดญี่ปุ่น และก็ไม่ใช่แค่เพียงภาพลักษณ์ดีๆ เท่านั้นที่สมชายอยากจะเปิดให้เราทำความรู้จัก ภายนอกดูดีแล้ว ภายในก็ต้องใส่ใจ ดังนั้น ไลฟ์สไตล์อีกด้าน เช่น การกินและดื่ม

หากคิดว่าแต่ละแบรนด์เครื่องแต่งกายที่ได้มาเผยโฉมในส่วนหนึ่งให้ได้สัมผัสจากทั่วโลกนั้นคิดมาอย่างพิถีพิถันแล้ว ในด้านร้านอาหารนั้น ทุกวัตถุดิบก็ไม่มียอมแพ้กัน มะเขือเทศปลูกใต้ดินจากภูเขาไฟในภาคใต้ของอิตาลี มะกอกจากซิซิลี ช็อกโกแลตจากฝรั่งเศส ชาเขียวจากเกียวโต หรือแม้กระทั่งกาแฟไทยที่ได้รสชาติเหมือนจิบอยู่ริมแม่น้ำอาร์โน เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เช่นเดียวกับมะเขือเทศ

Vero Trattoria & Bar

ที่จริงแล้วเป็นแผนที่ถูกวางเอาไว้แต่แรกที่ The Somchai ได้สร้างบ้านหลังนี้ขึ้น ว่าอยากจะนำเสนอ Style, Life และ Manners ให้ครบ ก็เลยแบ่งสรรปันส่วนเอาไว้เรียบร้อย Vero Trottia & Bar (เวโร ตรอตเตีย แอนด์ บาร์) จึงก่อเกิดขึ้นชั้นล่าง โดยเป็นร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ ที่เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าจรดวันใหม่ อีกไม่นานจะมีเชฟมาประจำร้านอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ช่วยดูแลอยู่เบื้องหลังกันมานาน

ลภัส เมฆรักษาวนิช หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านที่จะอยู่คอยดูแลรายละเอียดเล็กๆ ต่างๆ ภายในบ้านหลังนี้ เล่าให้เราฟังว่า ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจให้ที่นี่ดูเป็นอิตาลีขนาดนั้น แต่ทุกอย่างมาจากความทรงจำของเขาตอนที่ไปเรียนปริญญาโท “อยากให้คนที่เข้ามารู้สึกถึงความสบาย อบอุ่น ให้เขาได้มาใช้เวลาซึมซับบรรยากาศและรสชาติด้วยตัวเอง”

และด้วยนิสัยการใช้ชีวิตประจำวันชนชาติอิตาเลียนในปัจจุบัน พวกเขาให้ความสำคัญกับวัตถุดิบและความสำราญไม่น้อย ด้วยมื้อเช้าง่ายๆ ด้วยเอสเพรสโซ 1 หรือ 2 ช็อต กับขนมสักชิ้นก็เอาอยู่ ใช้เวลาพักกลางวันกันอย่างเต็มที่ หากใครกะเวลาไม่ถูก ไปติดต่องานในช่วงพักกลางวัน ชิลได้เลย เพราะอาจใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง เมื่อเลิกงานแล้ว ก่อนจะถึงเวลามื้อเย็นในตอนหัวค่ำ จะมีช่วงที่เรียกว่า Aperitivo หรือมื้อเรียกน้ำย่อยประมาณหลัง 5 โมงเย็นเป็นต้นไป

เรียกน้ำย่อยด้วย Negroni Classico สักแก้ว

Aperitivo หรือมื้อเรียกน้ำย่อยของชาวอิตาเลียน ความจริงแล้วก็ไม่เชิงว่าเป็นอาหารจานเล็กๆ อะไรแบบนั้น พวกเขาจะเน้นไปทางค็อกเทลมากกว่า และแก้วที่ทรงอิทธิพลแห่งฟลอเรนซ์เห็นจะเป็น Negroni Classico (360 บาท) รสชาติเข้มๆ ของ Campari, Carpano Classico และจินในฉบับสมชาย แต่ที่บาร์นี้มีตัวเลือกของเนโกรนีที่หลากหลาย สามารถเปลี่ยนเหล้าจินหรือเวอร์มุทได้ตามนิยม

เรียกน้ำย่อยด้วย Bruschetta Miste คนละชิ้น

ในบางมื้ออาจมี Bruschetta รองท้องต้านความหิว ที่ Vero เสิร์ฟ Bruschetta Miste (360 บาท) ในช่วงมื้อนี้ ซึ่งเป็นขนมปังหน้าต่างๆ อย่าง แฮมพาร์มาอายุ 24 เดือน ซาลามีจากนาโปลี สโมกแซลมอนและแอนโชวี ความหลากหลายของหน้าขนมปัง ทำให้หากหยิบชิมมากกว่าหนึ่งชิ้น อาจกินที่ของอาหารมื้อต่อไปได้

Penne Alla Arrabbiata พาสต้าซอสมะเขือเทศเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

เมื่ออาหารมื้อค่ำเริ่มขึ้น ส่วนใหญ่ชาวอิตาเลียนจะเริ่มอย่างง่ายๆ ด้วยพาสต้าสักจานที่ไม่ต้องปรุงซับซ้อน ให้รสชาติซ่อนเอาไว้ในวัตถุดิบ ซึ่ง Penne Alla Arrabbiata (350 บาท) จานนี้เป็นพาสต้าเส้นที่สั่งมาพิเศษ ไม่มีวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ต้มเส้นเมื่อจะปรุงเท่านั้น ไม่มีการ Pre-Cook ทิ้งเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะได้เส้นที่สุกไม่พอดีกัน และใช้ซอสจากมะเขือเทศ San Marzano ที่ปลูกด้วยดินภูเขาไฟในทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ที่หากกินแบบสดจะได้ความหอมควันเบาๆ แสนยวนใจ

Braised Pork Cheek in Sangiovese Wine เนื้อแก้มหมูนุ่มๆ ต้มในไวน์

ต่อด้วยโปรตีนจาก Braised Pork Cheek in Sangiovese Wine (520 บาท) แก้มหมูต้มในไวน์จากทัสคานีกับสมุนไพรต่างๆ ด้วยวิธี Slow Cook นานถึง 12 ชั่วโมง เปิดฝาทิ้งเอาไว้แล้วค่อยๆ เติมน้ำลงไปจนแก้มหมูซึมความฉ่ำแล้วเสิร์ฟใส่จาน รับรองความนุ่มและรสชาติที่ไม่ผ่านการปรุงเยอะเกินไปในสไตล์อาหารแดนมักกะโรนีดั้งเดิม

จิบ Aperol Spritz ดับร้อน

“ในช่วงฤดูร้อนของอิตาลี จะเป็นช่วงที่คึกคักเป็นพิเศษ” คุณลภัสเล่าถึงบรรยากาศเมืองในความทรงจำที่ยังคงไปเยือนอยู่บ่อยครั้ง และยื่น Aperol Spritz (320 บาท) ให้กับเรา “Aperol และโปรเซกโกเทโซดาลงไป ทำให้รู้สึกสดชื่นในอากาศร้อนๆ” และเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับบ้านเมืองฝั่งเอเชียทุกฤดูกาลเป็นอย่างมาก หากจะให้หยิบยืมสักวัฒนธรรมการดื่มของชาวอิตาเลียนมา แก้วนี้เห็นจะเหมาะที่สุดสำหรับทุกคน