วานนี้ (20 มกราคม) อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW หลังห่างหายจากการเมืองไปเกือบ 2 ปี ก่อนหวนสู่วงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย โดยระบุว่า ตั้งแต่ออกจากรั้วพรรคพลังประชารัฐก็เหมือนเป็นการออกไปพักผ่อนควบคู่กับการทำงานบ้าง แต่ยังติดตามข่าวสาร เหตุการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา
โดยเหตุผลของการกลับมาลุยงานการเมืองในฐานะแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะประสบการณ์จากการทำงานในรัฐบาลครั้งก่อน (หลังการเลือกตั้ง 2562) การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำให้มองเห็นโอกาสและความท้าทายที่รอให้ประเทศไทยเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เพื่อสานต่ออุดมการณ์และพาประเทศไทยฝ่าฟันอุปสรรคและก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจที่ตนติดตามมาตลอด
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ มีการพูดถึงกรณีในวันเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นตามมาในช่วงเย็นวันเดียวกันคือ การที่พรรคพลังประชารัฐมีมติขับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา และ ส.ส. ในสังกัด 20 คนพ้นพรรค และมีโอกาสที่กลุ่มก๊วนของ ร.อ. ธรรมนัส จะมาร่วมงานที่พรรคใหม่ของอุตตมหรือไม่นั้น
อุตตมกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ และได้ทราบพร้อมหลายๆ ท่านในช่วงเย็นวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนกรณีทีมงานของ ร.อ. ธรรมนัส จะมาร่วมงานที่พรรคหรือไม่ ตนมองว่ายังเร็วไปที่จะมองไปถึงการร่วมงานกัน โดยยืนยันว่ายังไม่ได้มีการติดต่อกัน ซึ่งอยากให้รอดูว่าเป็นอย่างไรต่อไป เพราะพรรคมีแนวทางชัดเจน
“เราเป็นพรรคเปิด เราอยากเป็นจุดยืนให้กับคนจากหลากหลายกลุ่มทางการเมือง แต่ทั้งนี้ก็ต้องมาพูดคุยกันอีกทีว่าจะทำงานด้วยกันได้หรือไม่ เรามีเจตนารมณ์ตรงกันหรือไม่ แต่ในกรณีของ ร.อ. ธรรมนัส คงเร็วไปที่จะตอบ แต่ก็รู้จักกันมาบ้างจากการที่เคยร่วมงานในรัฐบาลเดียวกันมาก่อน” อุตตมกล่าว
ส่วนประเด็นการเดินออกมาจากรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ อุตตมให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเงื่อนไขทางการเมืองที่เปลี่ยนไป ทำให้ตนตัดสินใจออกมา พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนประเด็นการประกาศว่าพรรคสร้างอนาคตไทย ‘ไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง’ ท่ามกลางการแบ่งขั้วทางการเมือง อุตตมอธิบายย้ำถึงจุดยืนดังกล่าวว่า พรรคการเมืองทุกวันนี้ถูกแบ่งเป็น 2 ขั้ว ซ้าย-ขวา ชัดเจน เราไม่ต้องการพาตัวเราไปซ้ำเติมปัญหาที่มีอยู่แล้วในวิกฤตทางการเมืองวันนี้ การที่เรามีเจตนาเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศตอนนี้ ทำให้เราไม่ต้องการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ซ้ำเติมประเทศ เราเลยไม่เลือกทางซ้ายสุด ไม่ขวาสุด เราอยู่ตรงกลาง และเราจะต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ที่เป็นดั่งนโยบายหลักของเรา เพื่อมุ่งสร้างอนาคตให้ประเทศไทย
ในช่วงท้ายรายการ อุตตมยังได้กล่าวถึงแผนงานหรือกิจกรรมที่จะทำในปีนี้ คือการสานต่อสิ่งที่ได้ประกาศออกไป เริ่มจากการออกไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนเพื่อเอาปัญหาเหล่านั้นมาประมวลอีกครั้ง บวกกับการระดมความคิดออกทีมงานเพื่อกลั่นเป็นนโยบายแบบจับต้องได้ที่สะท้อนมาจากปัญหาที่ประชาชนกำลังประสบอยู่ในตอนนี้ อีกส่วนหนึ่งคือการวางแผนยุทธ์ศาสตร์เพื่อเตรียมตัวสำหรับศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยเฉพาะการเตรียมกำลังคนในการส่งลงเลือกตั้งให้สอดรับกับระบบบัตร 2 ใบ ซึ่งจะดำเนินไปพร้อมกับการสร้างนโยบายพรรคเช่นเดียวกัน
อ้างอิง: