สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนอีก 12 แห่ง ฐานสงสัยเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคง

กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประกาศเพิ่มชื่อบริษัทสัญชาติจีนอีก 12 แห่งลงในบัญชีดำห้ามไม่ให้ทำการค้ากับบริษัทอเมริกัน ฐานต้องสงสัยพัวพันหรือมีส่วนสนับสนุนกับทางกองทัพจีน จึงเสี่ยงเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องเทคโนโลยีใหม่ๆ ของสหรัฐฯ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือถูกใช้งานสำหรับ Quantum Computing ที่กองทัพจีนใช้กับระบบต่อต้านการพรางตัว (Counter-Stealth) และ ระบบต่อต้านเรือดำน้ำ (Counter-Submarine)

นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของจีนในการทำลายการเข้ารหัส หรือพัฒนาการเข้ารหัสที่ไม่มีวันเจาะได้ พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ ยังได้เพิ่มหลายหน่วยงานจากจีนและปากีสถานเข้าไปในบัญชีรายชื่อที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมนิวเคลียร์หรือโครงการขีปนาวุธของปากีสถาน

ยิ่งไปกว่านั้น ทาง Gina M. Raimondo รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ย้ำปิดท้ายว่า การค้าโลกควรสนับสนุนสันติภาพ ความมั่งคั่ง และตำแหน่งงานที่ดีมากกว่าการเป็นภัยคุกคามที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ

การตัดสินใจล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทวีความตึงเครียดมากขึ้น และเป็นความตึงเครียดที่ลากยาวมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้จะมีสัญญาณคลี่คลายในทางบวก หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมออนไลน์ บรรลุความเห็นชอบตรงกันในเบื้องต้นที่จะร่วมมือกันรับมือวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาราคาน้ำมันแพง

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่มบริษัทจีน 7 แห่ง ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับทางกองทัพจีน ลงไปในบัญชีดำจำกัดการทำธุรกรรมหรือข้อตกลงทางการค้าใดๆ กับบริษัทสหรัฐฯ โดยขณะนั้นกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า บริษัทดังกล่าวของจีนมีความเกี่ยวข้องในสาขาซูเปอร์คอมพิวติ้ง ที่ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีกองทัพให้มีความทันสมัย หรือทำงานเกี่ยวข้องกับโครงการอาวุธทำลายล้างสูง

ด้าน จ้าวหลี่เจียน (Zhao Lijian) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแสดงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจดังกล่าว พร้อมย้ำว่าจีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้เท่าที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ต่างๆ ของบริษัทจีน และสหรัฐฯ ยังคงใช้ข้ออ้างซ้ำๆ เกี่ยวกับภัยคุกคามด้านความมั่นคง และพยายามใช้อำนาจรัฐในการกดขี่ข่มเหงบริษัทจีน

ยิ่งไปกว่านั้นทาง ซูเจวี่ยถิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า แนวคิดเรื่องความมั่นคงของสหรัฐฯ นั้นมากเกินพอดี ทั้งยังกระทำการคว่ำบาตรอย่างไร้กฎเกณฑ์ การกระทำนี้ขาดพื้นฐานของความจริง และการดำเนินการก็ไม่โปร่งใส

จนถึงขณะนี้ทางกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทต่างชาติ คือ จีน ปากีสถาน ญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ รวมแล้วทั้งหมด 27 แห่ง ในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งคือบริษัทสัญชาติจีน

อ้างอิง: