หลังจากที่รายงานการใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองดูมา ในภูมิภาคกูตาตะวันออก ฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏในซีเรีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ เริ่มเปิดฉากโจมตีการใช้อาวุธเคมีที่คาดว่ารัฐบาลซีเรียเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยร่วมมือกับประเทศพันธมิตรอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส
พล.อ. โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ ยืนยันการโจมตีเป้าหมาย 3 แห่งในซีเรีย แบ่งเป็นศูนย์วิจัยอาวุธเคมีในกรุงดามัสกัส โรงงานผลิตอาวุธเคมีทางตะวันตกของจังหวัดฮอมส์ และคลังอาวุธเคมีกับฐานบัญชาการสำคัญของกองทัพซีเรียใกล้จังหวัดฮอมส์ ส่วนนายกฯ เทเรซา เมย์ ของอังกฤษเผยว่า เครื่องบินรบแบบทอร์นาโด 4 ลำได้โจมตีเป้าหมายโรงงานอาวุธเคมี ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงยืนยันเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารกับสหรัฐฯ แล้วเช่นกัน
ตลอดระยะเวลาราว 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างน้อย 1,600 ราย โดยประธานาธิบดีอัล อัสซาสของซีเรียปฏิเสธเรื่องการใช้อาวุธเคมีกับพลเรือนมาโดยตลอด และระบุว่าข่าวลือเรื่องการใช้อาวุธเคมีเป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศสต่างเชื่อมั่นในระบบข่าวกรองของตนเอง แม้จะไม่ได้รับการยืนยันเต็ม 100% ก็ตาม แต่มีความเป็นไปได้สูงมากว่า รัฐบาลซีเรียกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนพลเรือนของตัวเองอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ศูนย์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดระหว่างประเทศอย่าง VDC ระบุว่า พบศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากอยู่ในสภาพน้ำลายฟูมปาก เยื่อบุตาและผิวหนังเปลี่ยนสีอันเป็นผลมาจากปฏิกิริยาทางเคมี
ทั้งนี้รัฐบาลของมหาอำนาจทั้ง 3 ประเทศยืนยันว่า ความร่วมมือทางทหารในครั้งนี้เป็นไปเพื่อกดดันให้รัฐบาลซีเรียยุติการใช้อาวุธเคมีในการเข่นฆ่าประชาชน ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะชักนำไปสู่สงครามกลางเมืองหรือการโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการของประธานาธิบดีอัล อัสซาส แต่อย่างใด
ทางด้านรัสเซีย หนึ่งในห้าประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีด้านความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนรัฐบาลซีเรียเรื่องอาวุธเคมีระบุว่า รายงานการใช้อาวุธเคมีภายในซีเรียเป็นเพียงข้ออ้างที่ชาติมหาอำนาจจะวันตกจะใช้ในการแทรกแซงการเมืองภายในซีเรียเท่านั้น
อ้างอิง:
