×

เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ 2022: เจาะ 9 มลรัฐ ชี้ชะตาสภาสูง (1)

03.10.2022
  • LOADING...

ในการเลือกตั้งกลางเทอม (Midterm Election) เดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ชาวอเมริกันใน 34 มลรัฐ จะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กันอีกครั้ง เพื่อชี้ชะตาว่าพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันจะได้เป็นผู้ครอบครองเสียงข้างมากในสภาสูงอีกครึ่งเทอม (2 ปี) ที่เหลือของประธานาธิบดี โจ ไบเดน

 

ซึ่งในปัจจุบันทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันครองที่นั่งเท่ากันที่ 50 ที่นั่งพอดี นั่นทำให้เดโมแครตครองเสียงข้างมากแบบเฉียดฉิว เพราะรองประธานาธิบดีของพวกเขาอย่าง คามาลา แฮร์ริส จะสามารถตัดสินให้เดโมแครตชนะโหวตได้ (Tie-Breaker) ในกรณีที่คะแนนโหวตออกมาที่ 50 เสียงเท่ากันพอดี

 

ซึ่งนั่นแปลว่า ในการเลือกตั้งคราวนี้พรรครีพับลิกันมีโอกาสสูงที่จะกลับมาเป็นฝ่ายครองอำนาจในวุฒิสภา เพียงแค่พวกเขาพลิกกลับมาแย่งที่นั่งจากเดโมแครตได้สัก 1 มลรัฐ (โดยที่ไม่เสียที่นั่งจากมลรัฐที่พวกเขาถือครองอยู่เดิม) ซึ่งในบทความนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจ 4 มลรัฐที่รีพับลิกันมีโอกาสจะแย่งที่นั่งมาจากเดโมแครต 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

เนวาดา: ลาซอลต์ vs. คอร์เทซ มาสโต

เนวาดาน่าจะเป็นมลรัฐที่พรรครีพับลิกันมีโอกาสพลิกมาเอาชนะ ส.ว. เจ้าของที่นั่งเดิมของเดโมแครตอย่าง แคเทอรีน คอร์เทซ มาสโต มากที่สุด เพราะฐานเสียงของพรรคเดโมแครตในมลรัฐนี้คือชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกในเมืองลาสเวกัส ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเริ่มหันไปเทคะแนนให้กับพรรครีพับลิมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

ที่สำคัญเนวาดายังเป็นมลรัฐของชนชั้นแรงงาน และมีจำนวนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีการศึกษาระดับปริญญา (ซึ่งเป็นฐานเสียงใหม่ของพรรคเดโมแครต) ในระดับที่ต่ำ 

 

ในการเลือกตั้งรอบก่อน คอร์เทซ มาสโต เอาชนะคู่แข่งจากรีพับลิกันไปแค่ 2.4% เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หากคะแนนเสียงของเธอในหมู่ชาวฮิสแปนิกตกลงไปเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้เธอแพ้คู่แข่งทันที แต่อย่างไรก็ดี คอร์เทซ มาสโต เป็นชาวฮิปแปนิกเอง ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับฐานเสียงของพรรคในเมืองลาสเวกัสน่าจะดีกว่านักการเมืองของพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ นอกจากนี้คอร์เทซ มาสโต ก็พยายามจะชูสิทธิเรื่องการทำแท้งมาเป็นประเด็นสำคัญในการหาเสียง เพราะคู่แข่งของเธออย่าง อดัม ลาซอลต์ นั้นมีจุดยืนชัดเจนในเรื่องของการต่อต้านสิทธิในการทำแท้งเสรี

 

โพลจากสำนักต่างๆ ระบุตรงกันว่า เนวาดาน่าจะเป็นสนามเลือกตั้งที่คู่คี่สูสีมากที่สุดในประเทศ เพราะคะแนนของคอร์เทซ มาสโต และลาซอลต์ นั้นใกล้เคียงกันมาก ทั้งคู่ผลัดกันนำผลัดกันตามไม่เกิน 2-3% เรียกได้ว่าเนวาดาเป็นสนามที่ผลออกได้ทั้งสองหน้าอย่างแท้จริง (Toss-Up)

 

จอร์เจีย: วอล์กเกอร์ vs. วอร์นอค

จอร์เจียเป็นอีกหนึ่งมลรัฐที่พรรครีพับลิกันมีโอกาสพลิกมาเอาชนะ ส.ว. เจ้าของที่นั่งเดิมของเดโมแครตอย่าง ราฟาเอล วอร์นอค

 

แต่เดิมนั้นพรรครีพับลิกันคาดหวังไว้ว่า พวกเขาจะสามารถล้มวอร์นอคได้โดยง่าย เพราะจอร์เจียเป็นมลรัฐทางภาคใต้ที่ยังคงความอนุรักษนิยมอยู่มาก และวอร์นอคก็เอาชนะคู่แข่งจากรีพับลิกันในปี 2021 อย่างฉิวเฉียดเพียงแค่ 2.0% ภายใต้สถานการณ์พิเศษที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง และพูดเป็นนัยๆ ว่าฐานเสียงของพรรคควรบอยคอตการเลือกตั้ง

 

รีพับลิกันคาดหวังว่าพวกเขาจะพลิกกลับมาชนะวอร์นอคได้โดยง่ายในสถานการณ์ปกติและด้วยคะแนนนิยมที่ตกต่ำของไบเดน แต่อย่างไรก็ดี หนทางของพวกเขากลับยากลำบากกว่าที่คิด เพราะอดีตประธานาธิบดีอย่างทรัมป์ได้ให้การสนับสนุนผู้สมัครที่มีชนักติดหลังอย่าง เฮอร์เชล วอล์กเกอร์ จนชนะการเลือกตั้งขั้นต้นและได้เป็นผู้แทนพรรคมาลงสนามเลือกตั้งทั่วไปกับวอร์นอค

 

ดูเผินๆ นั้นวอล์กเกอร์ดูเหมือนจะเป็นผู้สมัครในอุดมคติ เพราะเขาเป็นนักอเมริกันฟุตบอลระดับตำนานที่เคยลงเล่นให้กับทีมของมหาวิทยาลัยจอร์เจียและเป็นความภูมิใจของชาวจอร์เจีย แต่อย่างไรก็ดี คะแนนนิยมของเขาก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ในระหว่างแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง เพราะเขาถูกจับโกหกในเรื่องประวัติการศึกษาและประวัติการทำธุรกิจ, ถูกจับโกหกในเรื่องที่เขาเคลมว่าเขาเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นตำรวจ และยังถูกแฉเรื่องส่วนตัวอีกว่าเขามีความสัมพันธ์กับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยาจนมีบุตรนอกสมรสหลายคน

 

คล้ายกับที่เนวาดา โพลจากสำนักต่างๆ ระบุตรงกันว่าคะแนนของวอล์กเกอร์และวอร์นอคนั้นใกล้เคียงกันมาก โดยที่ค่าเฉลี่ยของวอร์นอคอาจจะนำอยู่สักประมาณ 1-2% ซึ่งก็แปลได้ว่าผลยังออกได้ทั้งสองหน้า โดยที่วอร์นอคอาจมีแต้มต่ออยู่สักครึ่งก้าว (Toss-Up)

 

แอริโซนา: มาสเตอร์ส vs. เคลลี

แอริโซนาก็เป็นอีกหนึ่งมลรัฐที่พรรครีพับลิกันคาดหวังไว้ว่าพวกเขาจะสามารถล้มเจ้าของเก้าอี้อย่าง มาร์ค เคลลี ได้โดยง่าย เพราะแอริโซนายังคงเป็นมลรัฐที่มีความอนุรักษนิยม แต่เคลลีมีสถิติการโหวตในสภาให้กับนโยบายของไบเดนเกือบตลอดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงคาดหวังว่าคะแนนนิยมที่ตกต่ำของไบเดนจะฉุดคะแนนนิยมในตัวของเคลลีลงมาด้วย

 

แต่อย่างไรก็ดี แคมเปญหาเสียงของรีพับลิกันนั้นไม่ได้ผล เพราะเคลลียังคงคะแนนความนิยมในตัวเขาได้อย่างดี ด้วยการรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นนักการเมืองสายกลางผ่านโฆษณาทางโทรทัศน์และการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทำให้ Approval Rating ของเขาในฐานะ ส.ว. อยู่ในแดนบวกตลอดเวลา

 

ที่สำคัญผู้สมัครที่รีพับลิกันเลือกมาสู้กับเขาอย่าง เบลค มาสเตอร์ส นั้นมีความคิดเคร่งศาสนาแบบขวาจัดที่ต่อต้านการทำแท้งอย่างเข้มข้น และเขายังเห็นด้วยกับความเห็นส่วนตัวของผู้พิพากษาของศาลสูงสุดอย่าง คลาเรนซ์ โทมัส ที่กล่าวว่า ศาลสูงสุดควรจะกลับคำพิพากษาของคดี Griswold v Connecticut ที่การันตีสิทธิในการเข้าถึงยาคุมกำเนิดแก่สตรีทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งความคิดแบบขวาจัดของเขานั้นยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของการเป็นคนกลางๆ ของเคลลียิ่งเด่นชัดขึ้น

 

โพลจากสำนักต่างๆ ระบุตรงกันว่า คะแนนของเคลลีนั้นเหนือกว่ามาสเตอร์ส อย่างโพลล่าสุดของมหาวิทยาลัยมาริสก็พบว่า คะแนนของเคลลีนำมาสเตอร์สอยู่ถึง 10% และนี่ก็คงเป็นสนามที่รีพับลิกันมีโอกาสจะชนะในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติแล้วคงยากที่เคลลีจะพลิกล็อกกลับมาพ่ายแพ้ (Likely Democrats)

 

นิวแฮมป์เชียร์: โบลดัก vs. ฮัสสัน

นิวแฮมป์เชียร์เป็นมลรัฐสีม่วงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และเป็นหนึ่งในเป้าหมายของริพับลิกันที่จะทวงคืนเก้าอี้จากเจ้าของตำแหน่งอย่าง ส.ว. แมกกี ฮัสสัน 

 

ในทางทฤษฎีแล้วนิวแฮมป์เชียร์น่าจะเป็นเป้าหมายที่ดีของพวกเขา เพราะนิวแฮมป์เชียร์เป็นมลรัฐที่อาจจะโหวตได้ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน ขึ้นอยู่กับกระแสความนิยมของแต่ละพรรคในขณะนั้น (เลือกตั้งครั้งล่าสุด ผู้มีสิทธิเลือกตั้งโหวตให้ไบเดนเป็นประธานาธิบดี แต่เลือกผู้สมัครของรีพับลิกันให้เป็นผู้ว่าการรัฐ) และฮัสสันเองก็เป็น ส.ว. ที่ค่อนข้างจะ Low Profile ที่ชนะการเลือกตั้งในคราวก่อนอย่างฉิวเฉียดเพียงแค่ 1,000 กว่าเสียงเท่านั้น

 

อย่างไรก็ดี พรรครีพับลิกันของนิวแฮมป์เชียร์เลือกผู้สมัครที่มีแนวคิดขวาจัดอย่าง โดนัลด์ โบลดัก มาเป็นผู้แทนพรรค ซึ่งแนวคิดของโบลดักนั้นสุดโต่งกว่ามาสเตอร์สเสียอีก เพราะเขาสนับสนุนกฎหมายการแบนการทำแท้งทั่วประเทศ (หลังอายุครรภ์ 15 สัปดาห์), สนับสนุนการยกเลิกระบบบำนาญ (Social Security) และประกันสุขภาพผู้สูงอายุโดยรัฐ (Medicare) และยังคงกล่าวหาว่าเดโมแครตนั้นโกงการเลือกตั้งในปี 2020 (ซึ่งถูกพิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนว่าเป็นคำกล่าวหาที่เลื่อนลอยของทรัมป์)

 

ซึ่งแนวคิดขวาจัดของเขานั้นย่อมไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่มีคนมีแนวคิดแบบกลางๆ อยู่เป็นจำนวนมาก โพลจากสำนักต่างๆ ระบุตรงกันว่า คะแนนของฮัสสันเหนือกว่าโบลดักอยู่หลายช่วงตัว โดยที่เธอมีคะแนนนำโดยเฉลี่ยอยู่ที่เกือบๆ 10% และโอกาสที่เธอจะชนะอย่างสบายๆ ก็มีอยู่สูงพอสมควร (Likely Democrats)

 

ในบทความต่อไปเราจะไปเจาะลึกสนามเลือกตั้ง ส.ว. ในอีก 5 มลรัฐที่เหลือ ซึ่งน่าจะดุเดือดเข้มข้นไม่แพ้กัน

 

ภาพ: Anna Moneymaker / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising