คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) มีมติเป็นเอกฉันท์ ประณามรัฐบาลตาลีบันที่สั่งห้ามผู้หญิงชาวอัฟกันทำงานให้กับองค์การสหประชาชาติในอัฟกานิสถาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำตาลีบันยกเลิกการปราบปรามสิทธิของสตรีและเด็กหญิงโดยเร็ว
โดยร่างมติดังกล่าวซึ่งเขียนโดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และญี่ปุ่น อธิบายการแบนของตาลีบันว่า เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของ UN พร้อมชี้ถึงบทบาทของผู้หญิงในสังคมอัฟกานิสถาน และระบุว่า การห้ามผู้หญิงอัฟกานิสถานทำงานให้กับ UN เป็นการ “บั่นทอนสิทธิมนุษยชนและหลักการด้านมนุษยธรรม”
ทั้งนี้ รัฐบาลตาลีบันเริ่มบังคับใช้คำสั่งห้ามผู้หญิงอัฟกานิสถานทำงานให้กับ UN ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้ผู้หญิงส่วนใหญ่หยุดทำงานให้กับหน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
โดยนับตั้งแต่การโค่นล้มรัฐบาลภายใต้การสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกในปี 2021 รัฐบาลตาลีบันยังได้ควบคุมการเข้าถึงชีวิตสาธารณะของผู้หญิงอย่างเข้มงวด ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้หญิงเข้ามหาวิทยาลัยและปิดโรงเรียนมัธยมหญิงล้วน ซึ่งกลุ่มตาลีบันอ้างว่าการตัดสินใจที่เกิดขึ้นเป็น ‘ปัญหาภายในประเทศ’ และพวกเขาเคารพสิทธิสตรีตามการตีความของกฎหมายอิสลามอย่างเคร่งครัด
ด้านลานา นัสเซเบห์ (Lana Nusseibeh) เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำ UN กล่าวว่า มีชาติสมาชิกกว่า 90 ประเทศ รวมถึงประเทศมุสลิมและประเทศใกล้เคียงอัฟกานิสถาน โหวตสนับสนุนมติประณามตาลีบัน
“การสนับสนุนนี้ทำให้ข้อความพื้นฐานของเราในวันนี้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น โลกจะไม่นั่งเงียบเหมือนที่ผู้หญิงในอัฟกานิสถานถูกลบออกจากสังคม” เธอกล่าวต่อที่ประชุม UNSC
ขณะที่การโหวตมติดังกล่าวมีขึ้นก่อนการประชุมระหว่างประเทศในกรุงโดฮาวันที่ 1-2 พฤษภาคมนี้ ในประเด็นอัฟกานิสถาน โดยอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN จะมีการประชุมกับคณะทูตพิเศษจากประเทศต่างๆ เกี่ยวกับกรณีอัฟกานิสถาน เพื่อหารือถึงแนวทางที่เป็นเอกภาพในการแสดงท่าทีต่อรัฐบาลตาลีบัน
ภาพ: Marcus Yam / Los Angeles Times
อ้างอิง:
