สหรัฐฯ พบผู้ติดโควิดเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่อินโดนีเซียพบผู้ป่วยใหม่สูงสุด 4.7 หมื่นรายในวันเดียว

วันนี้ (14 กรกฎาคม) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะกลับมาแพร่ระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง หลังทางการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 3,500 รายในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.2 หมื่นรายในปัจจุบัน แม้มาตรการฉีดวัคซีนของสหรัฐฯ จะค่อนข้างรุดหน้าไปมากก็ตาม

ขณะที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่พบผู้ป่วยรายใหม่สูงสุดกว่า 4.7 หมื่นรายในวันเดียว (13 กรกฎาคม) สูงเป็นอันดับ 1 จากหัวตารางของ Worldometers ตามมาด้วยบราซิล 45,094 ราย สเปน 43,960 ราย อินเดีย 40,215 รายและสหราชอาณาจักร 36,660 ราย

ล่าสุดทางการสหรัฐฯ เดินหน้าฉีดวัคซีนไปแล้ว 334.94 ล้านโดส มากสุดในเชิงปริมาณ รองจากจีนและอินเดีย มีพลเมืองอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปราว 67.7% เข้ารับวัคซีนครบโดสแล้วอย่างน้อย 1 โดส เหลืออีกราว 2.3% ก็จะถึงเป้าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยตั้งไว้ ขณะที่มีพลเมืองราว 160 ราย หรือคิดเป็น 48% เข้ารับวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะที่อินโดนีเซียฉีดไปแล้วกว่า 51.4 ล้านโดส ยังคงเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดมากสุดในย่านอาเซียน

สหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในช่วงที่จำนวนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนรายใหม่อยู่ในช่วงชะลอตัว พลเมืองจำนวนไม่น้อยลังเลที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐมิสซูรี รัฐอาร์คันซอ และรัฐลุยเซียนา

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธ์ุโดยเฉพาะสายพันธ์ุเดลตา ทำให้ทางการในหลายประเทศเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับพลเมืองของตน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันร่วมให้เกิดขึ้นในสังคม อีกทั้งมีความพยายามในการผสมวัคซีนโควิดเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพของวัคซีนที่อาจจะลดลงเมื่อเจอกับเชื้อหลายพันธ์ุ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า งานวิจัยเกี่ยวกับการผสมวัคซีนยังมีอยู่ในปริมาณที่จำกัดมาก การตัดสินใจดังกล่าวจึงควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

บทความที่เกี่ยวข้อง: