×

ประชุมสมัชชา UN วันที่ 2 ผู้นำโลกหนุนยูเครน-เตือนวิกฤตสภาพอากาศ ‘ประตูสู่นรก’

21.09.2023
  • LOADING...
UNGA78 วันที่ 2

การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ณ นครนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา วานนี้ (20 กันยายน) ซึ่งเป็นวันที่สอง มีการกล่าวถ้อยแถลงของบรรดาผู้นำจากหลายประเทศ โดยประเด็นที่ต้องจับตามองยังเกี่ยวข้องกับกรณีสงครามยูเครน ซึ่งหลายประเทศมีการออกมาแสดงความคิดเห็น ทั้งสนับสนุนความช่วยเหลือยูเครนและประณามการกระทำของรัสเซีย

 

ขณะเดียวกันยังมีเวทีประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยการดำเนินการสภาพภูมิอากาศ (Climate Ambition Summit) เพื่อกระตุ้นการดำเนินการของนานาประเทศ รวมถึงไทย ในการมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050

 

และนี่คือสรุปประเด็นสำคัญจากการประชุม UNGA78 ในวันที่สอง

 

สเปนประณามรัสเซียบุกยูเครน ย้ำการสนับสนุนเคียงข้างเคียฟ

 

นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน กล่าวถ้อยแถลงย้ำการประณามต่อรัสเซียที่เปิดฉากสงครามรุกรานยูเครนอย่างไม่ยุติธรรมและผิดกฎหมาย และชี้ว่าที่ผ่านมาสหภาพยุโรปได้ตอบโต้อย่างแน่วแน่และเป็นเอกภาพต่อความโหดเหี้ยมของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้จุดชนวนสงคราม และยืนยันว่าไม่มีใครสามารถคุกคามหลักการและกฎบัตรของสหประชาชาติได้

 

ซานเชซยังกล่าวว่าเขาได้รับตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (The Council of the European Union) ระหว่างการเยือนกรุงเคียฟเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนที่มีต่อยูเครน และยืนยันว่าสเปนจะยืนหยัดเคียงข้างยูเครนต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น

 

“ผมรับตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปในกรุงเคียฟ เพื่อแสดงถึงการสนับสนุน สเปนจะอยู่ใกล้ชิดกับยูเครนตราบเท่าที่จำเป็น เราจะทำงานอย่างแข็งขันเพื่อให้ได้สันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืน เพื่อที่จะฟื้นฟูอำนาจอธิปไตย เอกราช และบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ซึ่งจะทำให้ชาวยูเครนสามารถเลือกชะตากรรมของตนเองได้อย่างเสรี” ซานเชซกล่าว

 

เกาหลีใต้ลั่นตอบโต้ภัยคุกคามนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ-หนุนปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคง

 

ด้านประธานาธิบดียุนซอกยอล ของเกาหลีใต้ ก็ให้ความเห็นถึงภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ หลังจากที่ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเดินทางไปเยือนรัสเซียก่อนหน้านี้ และได้พบปะกับปูตินเพื่อหารือเรื่องการซื้อขายอาวุธ พร้อมทั้งเยี่ยมชมอาวุธยุทโธปกรณ์อันทันสมัยของรัสเซีย

 

โดยประธานาธิบดียุนกล่าวว่า “หากเกาหลีเหนือได้รับข้อมูลและเทคโนโลยีที่จำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถของอาวุธทำลายล้างสูงเพื่อแลกกับการสนับสนุนรัสเซียด้วยอาวุธทั่วไป ข้อตกลงระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือจะเป็นการยั่วยุโดยตรงที่อาจคุกคามสันติภาพและความมั่นคง ไม่เพียงต่อยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเกาหลีใต้ด้วย” เขากล่าวพร้อมย้ำถึงอันตรายจากโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

 

“โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดภัยคุกคามโดยตรงต่อสันติภาพของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายร้ายแรงต่อสันติภาพในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและทั่วโลกอีกด้วย”

 

นอกจากนี้ผู้นำเกาหลีใต้ยังกล่าวสนับสนุนการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) หลังจากที่เกิดความขัดแย้งกันเองในหมู่สมาชิกจากการที่รัสเซียทำสงครามต่อยูเครนและซื้ออาวุธจากเกาหลีเหนือซึ่งถูกคว่ำบาตรจาก UNSC

 

“เป็นเรื่องที่ผิดปกติที่สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้พิทักษ์สันติภาพโลกขั้นสูงสุดจะทำสงครามโดยการรุกรานประเทศอธิปไตยอื่น และรับอาวุธและกระสุนจากระบอบการปกครองที่ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างโจ่งแจ้ง ในสถานการณ์เช่นนี้การเรียกร้องให้ปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง”

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดียุนได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่าเกาหลีใต้จะเพิ่มความช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติมแก่ยูเครนในปีหน้า วงเงิน 300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มจาก 150 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่เขากล่าวถ้อยแถลงยืนยันว่าจะเตรียมแผนสนับสนุนยูเครนต่อเนื่องในระยะยาวถึงระยะกลาง วงเงินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์

 

ประชุมวิกฤตสภาพอากาศ ไทยเรียกร้องแก้ไขทันที-เลขา UN เตือนมนุษยชาติเปิด ‘ประตูสู่นรก’

 

นอกจากการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติแล้ว วันนี้ผู้นำชาติสมาชิก UN รวมถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ยังได้เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการสภาพภูมิอากาศ (Climate Ambition Summit) ด้วย

 

โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำถึงปัญหาเร่งด่วนและร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก พร้อมเรียกร้องให้มีการลงมือแก้ไขปัญหาในทันที และได้ชื่นชมวาระเร่งด่วนของเลขาธิการสหประชาชาติในการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ตลอดจนนำเสนอแผนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน รวมถึงการเลิกใช้ถ่านหินภายในปี 2040 และเตรียมการสนับสนุนการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดขึ้น ฉบับปรับปรุง (Nationally Determined Contributions: NDCs) สำหรับปี 2025 ซึ่งจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ทั้งหมด

 

ขณะที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยพยายามอย่างที่สุดที่จะร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาคมระหว่างประเทศ และชี้ว่ารัฐบาลไทยได้มุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และได้เพิ่มเป้าหมายสนับสนุนการมีส่วนร่วมจาก 20% เป็น 40% ภายในปี 2030 ซึ่งมีการดำเนินการที่มีผลเป็นรูปธรรม

 

นอกจากนี้เขายังกล่าวย้ำในช่วงท้ายของถ้อยแถลงว่า “การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยยังคงเร่งดำเนินการต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะบรรลุเป้าหมายและเอาชนะวิกฤตการณ์นี้”

 

ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN ได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุม โดยประกาศคำเตือนอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘มนุษยชาติได้เปิดประตูสู่นรก’ และ “ความร้อนอันน่าสยดสยองกำลังส่งผลที่น่าสยดสยอง เกษตรกรผู้น่าเศร้าเฝ้าดูพืชผลที่ถูกน้ำท่วม อุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวทำให้เกิดโรคระบาด”

 

นอกจากนั้นกูเตอร์เรสยังเรียกร้องไปยังประเทศที่พัฒนาแล้วให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยขจัดมลพิษที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนออกจากชั้นบรรยากาศให้มากที่สุดเท่าที่ผลิตขึ้นมาภายในปี 2040 หรือเร็วกว่าข้อผูกพันที่มีอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่อย่างน้อย 10 ปี

 

และเขายังขอให้นานาประเทศปฏิบัติตามกำหนดเวลาเพื่อยุติการแพร่กระจายก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ตลอดจนเพิ่มเงินช่วยเหลือประเทศรายได้น้อยและปานกลางหันมาใช้พลังงานสะอาดอย่างรวดเร็ว และลงทุนในมาตรการฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศ เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“เราล้าหลังไปหลายทศวรรษ เราต้องชดเชยเวลาที่สูญเสียไปกับการลากเท้า การบิดแขน และความโลภจากการยึดมั่นในผลประโยชน์นับพันล้านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” กูเตอร์เรสกล่าว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising