×

Twitter แจงเหตุไม่บล็อกทรัมป์ เพราะอยากให้ผู้คนได้ถกเถียงกับเจ้าตัวโดยตรง

06.01.2018
  • LOADING...

จากกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาใช้ทวิตเตอร์ส่วนตัวทวีตข้อความโต้กลับ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือว่าตนมีปุ่มกดนิวเคลียร์ที่ใหญ่กว่า ทรงพลังกว่า และทำงานได้จริงเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมานั้น ทำให้ในเวลาต่อมาผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์หลายคนรู้สึกไม่พอใจกับการเพิกเฉยของทวิตเตอร์ที่ไม่ยอมบล็อกทรัมป์ ทั้งๆ ที่เขาโพสต์ข้อความที่ก่อให้เกิดความแตกแยกและเกลียดชัง

 

เรื่องราวบานปลายจนเกิดการประท้วงด้วยแคมเปญ ‘@jack is #complicit’ ซึ่งหมายถึงแจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) ซีอีโอบริหารทวิตเตอร์ที่ถูกมองว่ารู้เห็นเป็นใจกับการใช้ทวิตเตอร์ในทางที่ไม่เหมาะสมของทรัมป์ โดยแผ่นป้ายแคมเปญนี้ถูกนำไปติดที่กำแพงสำนักงานทวิตเตอร์สาขาใหญ่ในซานฟรานซิสโก

 

ล่าสุด ศุกร์ที่ 5 ธันวาคม ทวิตเตอร์ได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านบล็อกส่วนตัวแล้ว เพื่อแถลงจุดยืนในการบริหารสื่อสังคมออนไลน์ของตน และอธิบายว่าทำไมบริษัทถึงไม่สามารถบล็อกทรัมป์ได้ โดยมีใจความทั้งหมดดังนี้

 

“ทวิตเตอร์อยู่ที่นี่ในวันนี้เพื่อให้บริการและช่วยเหลือให้เกิดบทสนทนาที่เป็นสาธารณะทั่วโลก ผู้นำที่ได้รับการเลือกตั้งก็มีบทบาทสำคัญในบทสนทนาเหล่านั้นเนื่องจากมันจะส่งผลกระทบที่ใหญ่หลวงต่อสังคมของเรา

 

“การบล็อกผู้นำโลกจากทวิตเตอร์หรือลบทวีตที่เป็นประเด็นถกเถียงก็ไม่ต่างอะไรจากการปกปิดข้อมูลสำคัญที่ประชาชนควรได้รับทราบและได้ตั้งประเด็นถกเถียงกัน ซึ่งมันจะไม่ใช่แค่การปิดปากผู้นำคนนั้น แต่ยังหมายถึงการกีดกันการถกเถียงที่สำคัญยิ่งเกี่ยวกับคำพูดและการกระทำของพวกเขา”

 

ทวิตเตอร์กล่าวเพิ่มว่าได้ทบทวนทวีตของเหล่าผู้นำทั้งหลายด้วยบริบททางการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้บังคับใช้กฎของทวิตเตอร์ตามปกติ ส่วนเรื่องที่ว่าทรัมป์เป็นหนึ่งในแอ็กเคานต์ผู้ขับเคลื่อนทวิตเตอร์ให้เติบโตและได้รับความนิยมก็ไม่เป็นข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทจะรักษาความเป็นกลางและทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการถกเถียงประเด็นต่างๆ อย่างอิสรเสรีต่อไป

 

เมื่อปลายปีที่แล้ว Bahtiyar Duysak อดีตพนักงานบริษัททวิตเตอร์เคยเผลอไปกดแบนแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ของทรัมป์เป็นเวลา 11 นาทีมาแล้ว ทำให้ทุกๆ คนเข้าใจว่าในที่สุดผู้นำจากสหรัฐฯ รายนี้ก็ถูกจัดการเสียที สร้างความฮือฮาและเสียงแซ่ซ้องไปทั่วสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก ก่อนที่ในเวลาต่อมาทวิตเตอร์จะออกมาให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือความผิดพลาดทางเทคนิค

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising