×

Twenty Five Twenty One นัมจูฮยอก กับการเติบโตด้านการแสดงครั้งสำคัญ

04.04.2022
  • LOADING...
รีวิว Twenty Five Twenty One

HIGHLIGHTS

  • ไม่ใช่แค่ความยากด้านคาแรกเตอร์ที่ต้องถ่ายทอด Twenty Five Twenty One ยังมีรายละเอียดอีกหลายด้านที่นัมจูฮยอกต้องศึกษาเพิ่มเติม ทั้งเรื่องของยุควิกฤต IMF หรือเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงเวลานั้นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรื่องกีฬาที่นัมจูฮยอกบอกว่าประสบการณ์ตรงในชีวิตช่วยเขาไว้ได้มาก
  • การแสดงของนัมจูฮยอก และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกผ่านดวงตา ทำให้เราได้เห็นว่า เขาเดินทางมาถึงการแสดงที่เรียกได้ว่า น่าจับตามองว่าผลงานในอนาคตจะเปล่งประกายมากขึ้นไปได้อีกขนาดไหน
  • บทความนี้จะพาไปรู้จักนัมจูฮยอกอีกครั้งผ่านผลงานซีรีส์ ก่อนจะมาถึง Twenty Five Twenty One ที่เป็นงานแสดงล่าสุด ที่เขาทุ่มเทกว่า 7 เดือนในการทำให้ตัวละครแพคอีจินมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นัมจูฮยอก คือหนึ่งในส่วนความสำเร็จของ Twenty Five Twenty One ซีรีส์เพื่อฝันวัยหนุ่มสาวที่ขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ในดวงใจใครหลายคนไปแล้ว

 

โดยเฉพาะการแสดงของนัมจูฮยอก ที่สะท้อนให้เห็นพัฒนาการที่แตกต่างไปในทิศทางที่ดีขึ้น ละเอียดขึ้น ซึ่งถ้าย้อนไปนึกถึงผลงานก่อนหน้านี้นับตั้งแต่เดบิวต์ด้านการแสดง ก็ต้องบอกว่านัมจูฮยอก ‘เติบโตมาอย่างดีเลย’

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


 

บทความนี้จะพาไปรู้จักนัมจูฮยอกอีกครั้งผ่านผลงานซีรีส์ ก่อนจะมาถึง Twenty Five Twenty One ที่เป็นงานแสดงล่าสุด ที่เขาทุ่มเทกว่า 7 เดือนในการทำให้ตัวละครแพคอีจินมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ 

 

ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ และไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ทุกอย่างมีทางออกเสมอ

 

 

Twenty Five Twenty One เป็นซีรีส์สำหรับหนุ่มสาวที่มีความฝัน ทนทุกข์ สูญสลาย และต้องเติบโต พวกเขาจะทำให้ต่างคนต่างเข้มแข็งขึ้น มุ่งไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น การที่ผมเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์นี้เพราะเหมือนว่าซีรีส์จะตรงกับชีวิตใครสักคนได้ และคนดูจะนึกย้อนได้ถึงวันเก่าๆ และยิ้มกับความทรงจำช่วงหนึ่งในชีวิตที่เคยงดงาม

 

“ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ และไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ทุกอย่างมีทางออกเสมอ ช่วงเวลาดีๆ จะถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม แต่ช่วงเวลาที่เลวร้าย ถึงวันหนึ่งก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีได้เช่นกันครับ” – นัมจูฮยอก

 

Twenty Five Twenty One จบลงอย่างงดงาม พร้อมกระแสความชื่นชมต่อเรื่องราว และทีมนักแสดง สำหรับนัมจูฮยอก ก็ต้องนับว่าเป็นซีรีส์ที่แสดงให้เห็นพัฒนาการด้านการแสดงที่ชัดเจน เพราะหากนับตั้งแต่จุดเริ่มต้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงยาวคนนี้ มีฝันจะเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บระหว่างเรียนไฮสคูล ทำให้อนาคตที่ตั้งใจไว้ต้องวางพับลง 

 

นัมจูฮยอกเข้าสู่เส้นทางงานแสดงจากการเป็นนายแบบ และเล่นมิวสิกวิดีโออยู่บ่อยครั้ง จนได้ร่วมแสดงซีรีส์ Surplus Princess (2014) เป็นผลงานเดบิวต์ ตามมาด้วย Who Are You: School 2015 (2015) รับบทนำในซีรีส์ชุด School ที่สร้างนักแสดงชั้นดีสู่วงการมากมาย Glamorous Temptation (2015) รับบทเป็นตัวละครจินฮยองอูในวัยเด็ก และ Cheese in the Trap (2016) รับบทเป็นเพื่อนสนิทของนางเอก ที่หลายๆ คนน่าจะจำเขาได้มากยิ่งขึ้นจากซีรีส์เรื่องนี้

 

Who Are You: School 2015 (2015)

 

Cheese in the Trap (2016)

 

แต่ที่เรียกว่าเป็นช่วงเติบโตอย่างก้าวกระโดด คือช่วงปี 2016 เป็นต้นมา นับจาก Weightlifting Fairy Kim Bok Joo (2016), The Bride of Habaek (2017), The Light in Your Eyes (2019), The School Nurse Files (2020) และ Start-Up (2020)

 

Weightlifting Fairy Kim Bok Joo ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมจากคนดูจนส่งให้นัมจูฮยอกคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ชายยอดเยี่ยมจากเวที MBC Drama Awards 2016 ในปีต่อมา นัมจูฮยอกมีผลงานซีรีส์แฟนตาซี The Bride of Habaek เรื่องราวของเทพเจ้าสายน้ำที่มาพบรักกับมนุษย์ โดยเรื่องนี้นัมจูฮยอกแสดงคู่กับนางเอกเจ้าน้ำตาอย่าง ชินเซคยอง ซึ่งแม้จะเป็นการร่วมงานกันครั้งแรก แต่เคมีดีจนเป็นที่กล่าวขวัญ

 

The Light in Your Eyes ถือเป็นซีรีส์การรวมตัวนักแสดงคุณภาพ ซึ่งนัมจูฮยอกที่ได้รับเลือกมาร่วมแสดงก็ต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างมากเพื่อซีรีส์เรื่องนี้ โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทที่ได้รับในครั้งนี้เอาไว้ว่า “หากมองจากภายนอก อีจุนฮาจะดูเพอร์เฟกต์มากเลยครับ แต่ถ้ามองลึกเข้าไปข้างใน เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและมีรอยแผลมากมาย ซึ่งผมเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้สึกที่แตกต่างและหลากหลายออกมา”

 

The School Nurse Files นัมจูฮยอกรับบทเป็น ฮงอินพโย หลานชายเจ้าของโรงเรียนที่ไปร่วมมือกับอึนยองในการต่อสู้กับปีศาจ นัมจูฮยอกถ่ายทอดบท ฮงอินพโย ออกมาได้น่าสนใจ ผ่านตัวละครทื่อๆ ที่ไม่มีชีวิตชีวา ซ่อนตัวตนเอาไว้ข้างในกางเกงขาบานยาวลากพื้น เพราะไม่ต้องการให้ใครได้เห็นจุดบกพร่องของชีวิต 

ในปี 2020 นัมจูฮยอกแจ้งเกิดอีกครั้งและอีกครั้งกับซีรีส์ Start-Up เขารับบทเป็น นัมโดซาน ผู้ก่อตั้ง Samsan Tech ที่เคยเป็นเด็กอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ แต่ตอนนี้ชีวิตกลับขั้ว จนความมั่นใจแทบไม่เหลือ แต่ก็ต้องสู้ชีวิตกลับด้วยการเป็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จให้ได้ ซึ่งต้องบอกว่าการแสดงของนัมจูฮยอกนั้นมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผู้ชมรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในของตัวละครนัมโดซาน ที่พัฒนาขึ้นตามวัยและประสบการณ์ชีวิต 

 

The Light in Your Eyes (2019)

 

The School Nurse Files (2020)

 

Start-Up (2020)

 

สำหรับ Twenty Five Twenty One เป็นซีรีส์เพื่อชีวิตวัยหนุ่มสาว บอกเล่าถึงการเติบโตของกลุ่มวัยรุ่น 5 คน ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ IMF ปี 1997 ที่แม้จะยากลำบากแต่พวกเขาต่างฝ่าฟันจนผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้ นัมจูฮยอกรับบทเป็น แพคอีจิน เด็กหนุ่มจากครอบครัวฐานะดีที่ IMF พังทลายทุกอย่าง และต้องสู้ชีวิตทุกอย่างทุกรูปแบบที่ปะทะเข้ามา 

 

นัมจูฮยอก เล่าถึงการแสดงในซีรีส์เรื่องนี้กับ Esquire ไว้ว่า ตอนที่แสดงเขาเต็มไปด้วยความเครียด เพราะบทซีรีส์เขียนไว้ดีมาก กลัวว่าเขาเองจะไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมาได้ทรงพลังแบบนั้น แต่สุดท้ายเขาก็เลือกปล่อยใจไปกับความสนุกสนานภายในกองถ่าย เพื่อให้ตัวเองกลมกลืนไปกับความรู้สึกของแพคอีจินตามเรื่องราว “ทุกครั้งที่คิดถึงทิศทางการแสดงที่เคยซ้อมไว้ตอนอยู่ที่บ้านก็จะเครียดขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ระเบิดอารมณ์หรือฉากเรียบๆ ก็ตามครับ มันยากทั้งสองแบบเลย ผมปรึกษากับผู้กำกับและนักแสดงคนอื่นๆ เยอะมาก เหมือนกับว่าเราแสดงไปด้วย แล้วก็ช่วยกันหาทางที่จะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ออกมาดีที่สุดไปพร้อมกัน”

 

ไม่ใช่แค่ความยากด้านคาแรคเตอร์ตัวละครที่เขาต้องถ่ายทอด Twenty Five Twenty One ยังมีรายละเอียดอีกหลายด้านที่นัมจูฮยอกต้องศึกษาเพิ่มเติม ทั้งเรื่องของยุคสมัยที่ปรากฏในซีรีส์ช่วงวิกฤต IMF หรือเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงเวลานั้นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรื่องกีฬาที่นัมจูฮยอกบอกว่าประสบการณ์ตรงในชีวิตช่วยเขาไว้ได้มาก

 

“ผมชอบกีฬามากครับ ผมชอบความรู้สึกของการแข่งขันที่เกิดขึ้น ตอนที่ผมนึกถึงมัน ผมรู้เลยว่าผมชอบตอนที่ได้เป็นผู้ชนะที่แท้จริง” คำตอบของนัมจูฮยอกไม่ได้หมายถึงชัยชนะในแง่ผลคะแนนเพียงอย่างเดียว แต่เขายังหมายถึงการแข่งขันกับตัวเองในการเล่นกีฬา โดยนัมจูฮยอกได้ยกตัวอย่างถึงการเล่นบาสเกตบอลในอดีตที่กลายมาเป็นตัวช่วยในการแสดงอย่างนึกไม่ถึง “ตอนที่ผมเล่นบาสเกตบอล มีรอยฟกช้ำเต็มตัวไปหมดครับ แล้วในฐานะนักบาส เราก็ต้องจำแพตเทิร์นการเล่นมากกว่า 20 แบบไว้ในหัวให้ได้ เพราะถ้าเราจำไม่ได้แล้วโค้ชสั่งเปลี่ยนแผนทันทีทันใด เราอาจจะเป็นคนทำให้ทั้งเกมพังได้เลย สิ่งนี้เป็นวินัยของนักบาสเกตบอลที่ทั้งทีมต้องร่วมมือทำให้ได้ ผมคิดว่าประสบการณ์นี้ช่วยผมได้มากในเรื่องการแสดงครับ”

 

 

นอกจากนี้ ในซีรีส์ Twenty Five Twenty One ยังมีฉากแสดงอารมณ์ในหลายครั้งที่นัมจูฮยอกแสดงออกมาได้ดีมากทีเดียว แม้ว่าจะเป็นมุมกล้องที่เห็นจากด้านหลัง ก็เห็นท่าทางของคนที่ไหล่ห่องุ้ม ความสั่นไหวเล็กๆ ที่เข้าใจได้ว่าตัวละครกำลังรู้สึกสูญสลายและพ่ายแพ้ ท้อแท้ต่อชีวิตขนาดไหน

 

“ผมจะไม่ขอมีความสุขอีกเลย ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม” แพคอีจินร้องไห้และบอกกับเจ้าหนี้ของพ่ออย่างนั้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบเท่าที่เขาจะทำได้ เมื่อไม่สามารถหาเงินทองมาใช้คืน การยอมไม่มีความสุขและทุกข์ร้อนใจไปกับเขาก็อาจเป็นอย่างเดียวที่พอจะทำได้

 

จนมาถึงการพบกันอีกครั้งกับคุณลุงเจ้าหนี้ แพคอีจินก็ต้องแสดงความรู้สึกภายใน ทั้งความประหม่า ความไม่แน่ใจว่าจะได้รับการยกโทษหรือไม่ จนท้ายที่สุดคุณลุงเองก็ขอให้เขายกเลิกคำสัญญานั้น เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

 

การแสดงของนัมจูฮยอกในสองฉากนี้บีบคั้นอารมณ์ และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกผ่านดวงตา ทำให้เราได้เห็นว่า เขาเดินทางมาถึงการแสดงที่เรียกได้ว่าน่าจับตามองว่าผลงานในอนาคตจะเปล่งประกายมากขึ้นไปได้อีกขนาดไหน

 

ทีมโปรดักชัน Twenty Five Twenty One ให้สัมภาษณ์ว่า นัมจูฮยอกจับอารมณ์ ความเศร้า และความตึงเครียดของสถานการณ์ในฉากนี้ และเข้าสู่ตัวละครได้เต็มที่ แม้ว่าหลังสั่งคัต เขาก็ยังคงเป็นแพคอีจิน และทำให้ทีมงานเองนิ่งเงียบไปกับการร้องไห้ของเขา 

 

“นัมจูฮยอกเป็นนักแสดงที่พิเศษมากในการตีความสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเป็นคนที่ตั้งใจมากๆ กับการแสดง โดยเฉพาะกับบทแพคอีจินที่เขาต้องแบบรับความทุกข์ยากในวัยหนุ่มสาว และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้น 

 

 

นัมจูฮยอก พูดถึงการแสดงในแบบของเขาว่า “ผมชอบคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าไม่แสดงมากจนเกินไป ผมมักจะสงสัยว่าจะเล่นอย่างไรให้พอดี และให้ตัวละครนั้นเหมือนมีชีวิตอยู่จริงๆ เป็นคนคนหนึ่งที่เราอาจรู้จักได้ จริงๆ นะครับ ผมไม่คิดว่าคนดูจะเชื่อมโยงกับตัวละครได้มากนัก ถ้าผมเล่นใหญ่เกินไป แต่สิ่งที่ผมต้องการคือการแสดงอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับน้ำในแม่น้ำ ผมอยากให้คนดูได้เห็นและรู้สึกว่าการแสดงของผมเหมือนกับการที่พวกเขากำลังดูแม่น้ำที่ไหลผ่าน”

 

Twenty FIve Twenty One นับเป็นซีรีส์ที่ให้ความรู้สึกแบบนั้น สะท้อนมุมมองชีวิตผู้คนที่อาจเกิดขึ้นได้จริง ความสุข ความทุกข์ ความสงสัย มิตรภาพ การสู้ชีวิตเท่าที่คนคนหนึ่งจะพบเจอ ซึ่งการแสดงอย่างเป็นธรรมชาตินี่แหละ คือการแสดงที่ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงตัวละครแพคอีจินได้ดีที่สุด

 

นัมจูฮยอกเองยังได้พูดถึงแพคอีจิน และซีรีส์ Twenty Five Twenty One ไว้ว่า “บางครั้งอีจินก็ทำผิดพลาด แต่ถ้ามีอะไรที่เขาทำแล้วพอจะชดเชยความผิดพลาดเหล่านั้นได้ เขาก็จะทำมันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม และนี่คือมุมหนึ่งของแพคอีจินที่ผมชอบมากๆ เลยครับ” 

 

 

ภาพ: tvN

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising