ซีรีส์ Start-Up ใกล้เดินทางมาถึงตอนจบเข้าไปทุกทีแล้ว ก่อนจะต้องโบกมือลาคาแรกเตอร์ นัมโดซาน ที่ผู้ชมหลงรักและเอาใจช่วยกันมาตลอด THE STANDARD POP ขอชวนมาทบทวนเส้นทางการทำงานในวงการบันเทิงของ นัมจูฮยอก เพื่อที่ระหว่างการรอผลงานใหม่ที่จะมีมาให้ชมในปีหน้า แฟนๆ จะได้ตามไปเก็บผลงานเก่าๆ เพื่อคลายความคิดถึง
นัมจูฮยอก เป็นนักแสดงในสังกัด Soop Management ค่ายเดียวกับ กงยู, กงฮโยจิน, แบซูจี ฯลฯ เขาเริ่มเดบิวต์ด้วยการเป็นนายแบบ โดยชนะเลิศการประกวด One-Day Model Experience ทำให้ได้เซ็นสัญญาเป็นนายแบบในสังกัด K-Plus ซึ่งในเวลาต่อมาได้ควบรวมธุรกิจกับ YG Entertainment และเปลี่ยนชื่อเป็น YGKPlus เพื่อพัฒนาเด็กๆ ในค่ายให้มีศักยภาพและเติบโตขึ้นมาเป็นนักแสดงและศิลปินในอนาคต ซึ่ง YGKPlus ถือเป็นหนึ่งในสังกัดนายแบบนางแบบที่โด่งดังมากของเกาหลีใต้
แต่หากจะพูดถึงความใฝ่ฝันที่แท้จริงตั้งแต่ยังเด็ก จริงๆ แล้ว นัมจูฮยอกอยากที่จะเป็นนักบาสเกตบอล โดยเขาเคยเป็นนักบาสของโรงเรียนในช่วงมัธยมต้น แต่เพราะอุบัติเหตุที่ทำให้กระดูกหน้าแข้งแตกจนต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง ทำให้ฝันในการเป็นนักกีฬาต้องยุติลงในที่สุด
แต่ด้วยความรักในกีฬาบาสเกตบอล แม้จะเป็นนักกีฬาอาชีพไม่ได้ แต่ก็เขายังหาเวลาว่างไปเล่นอยู่เสมอ โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่รายการวาไรตี้ชื่อดังอย่าง Infinite Challenge (ตอนที่ 541) ได้เชิญ สตีเฟน เคอร์รี นักบาสเกตบอลชื่อดังระดับโลกมาร่วมรายการ ซึ่งแม้ในช่วงนั้นนัมจูฮยอกจะยุ่งอยู่กับการถ่ายทำซีรีส์ แต่เขาก็ตอบรับคำเชิญเพื่อมาร่วมรายการ และโชว์ความสามารถด้านกีฬาได้อย่างยอดเยี่ยม
หลังจากเริ่มงานในวงการนายแบบได้ไม่นาน นัมจูฮยอกได้ร่วมแสดงในมิวสิกวิดีโอของ Akdong Musician ศิลปินใหม่ของค่าย YG Entertainment ในเวลานั้น โดยร่วมแสดงทั้งหมด 2 เพลงคือ 200% และ Give Love ด้วยแนวเพลงที่น่ารักสดใส เหมาะกับฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่เพลงปล่อยออกมาพอดี ทำให้ทั้งสองเพลงดังกล่าวกลายเป็นงานที่แจ้งเกิดทั้งตัวศิลปินเองและนัมจูฮยอกในฐานะนักแสดง ด้วยเสน่ห์ที่สดใหม่รวมถึงความไร้เดียงสาของเรื่องราวในมิวสิกวิดีโอ ทำให้เหล่าคนดูต่างพากันตามหาว่าเด็กหนุ่มในเพลงนี้คือใคร และทำให้นัมจูฮยอกกลายเป็นที่จดจำได้ในเวลาต่อมา
และจากมิวสิกวิดีโอนี้เองที่ทำให้ผู้กำกับ แบคซึงรยอง เลือกนัมจูฮยอกไปร่วมแสดงบทสมทบในซีรีส์ Surplus Princess (2014) และปูทางไปสู่ผลงานชิ้นต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่อง
หลังจากชิมลางซีรีส์เรื่องแรกในชีวิตไปแล้ว ผลงานชิ้นต่อมาก็มีโอกาสได้รับบทนำทันที นั่นคือ Who Are You: School 2015 ซีรีส์วัยรุ่นที่สร้างมาแล้วหลายซีซัน และแจ้งเกิดนักแสดงแถวหน้าของวงการมาแล้วมากมาย โดยนัมจูฮยอกรับบทเป็น ฮันอีอัน นักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน นำแสดงร่วมกับ คิมโซฮยอน และ ยุกซองแจ โดยนับว่าเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมมากจนมีการนำมารีเมกในเวอร์ชันไทยด้วยในชื่อ Who Are You เธอคนนั้นคือฉันอีกคน ออกอากาศทางช่อง GMM 25 และ LINE TV
ตามมาติดๆ ด้วยบทสมทบจากซีรีส์สองเรื่องดังที่ออกอากาศในปีเดียวกัน เรื่องแรกคือ Cheese in the Trap (2016) เป็นซีรีส์ที่พัฒนาบทมาจากเว็บตูนยอดนิยมชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องราวชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อหนุ่มรุ่นพี่สุดเพอร์เฟกต์หลงรักรุ่นน้องลุคบ้านๆ ที่ชีวิตต้องดิ้นรนด้วยการทำงานพาร์ตไทม์ตลอดเวลา แถมยังมีศัตรูหัวใจเป็นหนุ่มอารมณ์ร้อนที่เข้ามาเป็นตัวแปรให้เกิดรักสามเส้าต่อไปอีก โดยนัมจูฮยอกรับบทเป็น ควอนอึนแทค เพื่อนในกลุ่มของนางเอกที่คอยสร้างสีสันในเรื่อง
ผลงานเรื่องต่อมาคือ Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo (2016) ซีรีส์รีเมกจากจีนสุดโด่งดัง Bu Bu Jing Xin และได้มีการดัดแปลงมาเป็นเวอร์ชันเกาหลีที่ถือว่ากลมกล่อม ครบทุกรสชาติ และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมเป็นอย่างมากจนเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จไปทั่วเอเชีย แฮซู (รับบทโดย ไอยู) หญิงสาวที่ลิขิตสวรรค์ ทำให้เธอได้ข้ามเวลาไปอยู่ที่วังหลวงยุคโครยอ ที่นั่นทำให้ชะตาชีวิตของเธอต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับองค์ชายทั้ง 7 คน จนนำไปสู่เรื่องราวมากมายที่ทำให้ผู้ชมทั้งมีรอยยิ้มและเสียน้ำตา โดยเรื่องนี้นัมจูฮยอกรับบทเป็นองค์ชาย 13 ที่แม้ว่าบทจะมีไม่มาก แต่ความสนุกของซีรีส์นั้นคุ้มค่าแก่การดูตั้งแต่ต้นจนจบ
Weightlifting Fairy Kim Bok-Joo (2016) พานัมจูฮยอกกลับมาสู่บทบาทพระเอกเต็มตัวอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มาในลุคสปอร์ตกับบท จองจุนฮยอง นักกีฬาว่ายน้ำตัวแทนมหาวิทยาลัยที่มาหลงรัก คิมบ๊กจู (รับบทโดย อีซองคยอง) สาวโก๊ะที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬายกน้ำหนัก เป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้น่ารักๆ ที่ดูง่ายแบบเพลินๆ โดยซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมจากคนดูจนส่งให้นัมจูฮยอกสามารถคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ชายยอดเยี่ยมจากเวที MBC Drama Awards 2016 ได้อีกด้วย
เอาใจสายแฟนตาซีกันบ้างกับ The Bride of Habaek (2017) เรื่องราวของเทพเจ้าสายน้ำที่มาพบรักกับมนุษย์ โดยเรื่องนี้นัมจูฮยอกแสดงคู่กับนางเอกเจ้าน้ำตาอย่าง ชินเซคยอง ซึ่งแม้จะเป็นการร่วมงานกันครั้งแรก แต่เคมีของทั้งคู่ก็เข้าขากันจนสามารถถ่ายทอดคาแรกเตอร์ที่หลากหลายในเรื่องได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
Weightlifting Fairy Kim Bok-Joo
The Bride of Habaek
The Light in Your Eyes (2019) ซีรีส์คุณภาพที่มีชื่อเข้าชิงในเวที BaekSang Arts Awards 2019 เกือบทุกสาขา คิมฮเยจา (รับบทโดย ฮันจีมิน) หญิงสาววัย 25 ปีที่หวังจะเป็นผู้ประกาศข่าวและมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ ก่อนที่เธอจะหลงทางในห้วงเวลาเหล่านั้นจนกลายเป็นหญิงชราวัย 70 ปีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้รู้จักกับ อีจุนฮา (รับบทโดย นัมจูฮยอก) ชายหนุ่มวัย 26 ปีที่มีความฝันอยากเป็นนักข่าวภาคสนาม แต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาทิ้งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต และเลือกใช้ชีวิตอย่างเฉื่อยชาและเซื่องซึม
ซีรีส์ The Light in Your Eyes ถือเป็นการรวมตัวของนักแสดงคุณภาพเลยก็ว่าได้ ซึ่งนัมจูฮยอกที่ได้รับเลือกมาร่วมแสดงก็ต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างมากเพื่อซีรีส์เรื่องนี้ โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทที่ได้รับในครั้งนี้เอาไว้ว่า “หากมองจากภายนอก อีจุนฮาจะดูเพอร์เฟกต์มากเลยครับ แต่ถ้ามองลึกเข้าไปข้างใน เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและมีรอยแผลมากมาย ซึ่งผมเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้สึกที่แตกต่างและหลากหลายของอีจุนฮาออกมาให้ทุกคนได้ชมครับ นอกจากนี้ผมยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณคิมฮเยจาและคุณฮันจีมินครับ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดฝันของผมจริงๆ ทุกช่วงเวลาที่ถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ผมมีความสุขมาก และมันจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไปครับ”
อ่านต่อ นัมจูฮยอก ฮันจีมิน คิมฮเยจา และซนโฮจุน ร่วมค้นหาความหมายของ ‘เวลา’ ผ่านซีรีส์ The Light in Your Eyes
The School Nurse Files (2020) ซีรีส์แฟนตาซีล่าปีศาจแนวทดลองที่ผลิตโดย Netflix เล่าเรื่องราวของ อันอึนยอง (รับบทโดย จองยูมี) ครูพยาบาลประจำโรงเรียนมัธยมที่มีพลังวิเศษในการมองเห็นปีศาจเยลลีรูปแบบต่างๆ ที่ปรากฏตัวอยู่ทั่วโรงเรียน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเด็กๆ จากปีศาจสุดอันตรายเหล่านี้ด้วยบีบีกันที่มีกระสุนลงคาถาและดาบพลาสติกสีสดที่ฟาดเยลลีทีเดียวตายเรียบ อันอึนยองร่วมมือกับครูสอนภาษาจีน ฮงอินพโย (รับบทโดย นัมจูฮยอก) ในการค้นหาที่มาของเหตุการณ์ประหลาดในโรงเรียน
อ่านต่อ ตรวจสอบสังคมนิยมบูลลี่ ในซีรีส์ The School Nurse Files
เส้นทางในวงการบันเทิงที่ผ่านมาของนัมจูฮยอก แม้จะไม่ได้เริ่มต้นจากสายการแสดงโดยตรง แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ส่งผลให้การแสดงซึ่งเป็นศาสตร์อีกด้านที่เขาหลงรักนำทางไปสู่การเติบโตที่เส้นทางยังอีกไกล โดยเฉพาะ Start-Up ซีรีส์เรื่องล่าสุดของนัมจูฮยอก ที่เขาแสดงพัฒนาการของตัวละครได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ดูเป็นลูสเซอร์เนิร์ดๆ บุคลิกเงอะงะ ไม่มั่นใจในตัวเอง เดินหลังค่อมตลอดเวลา จนมาสู่นัมโดซานคนที่สง่าผ่าเผย ประสบความสำเร็จในชีวิต และกล้าที่จะเดินหน้าสู้กับทุกปัญหาที่เข้ามาท้าทาย
และที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือความแตกต่างของนัมโดซานเวอร์ชันซัมซานเทคและเวอร์ชันทูสโท ที่บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่คอสตูมที่ทำให้บุคลิกของตัวละครเปลี่ยนไป แต่การแสดงของนัมจูฮยอกนั้นมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผู้ชมรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในของตัวละครที่พัฒนาขึ้นตามวัยและประสบการณ์ชีวิต ซึ่งนับว่าบทนัมโดซานในซีรีส์ Start-Up เป็นการอัพสกิลความสามารถของนักแสดงขึ้นไปอีกขั้น และเราหวังว่าปลายปีนี้จะได้เห็นชื่อของนัมจูฮยอกเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในเวทีระดับประเทศอย่าง Baeksang Arts Awards
นัมจูฮยอกได้เล่าถึงบทนัมโดซานของเขาในซีรีส์ Start-Up ไว้ว่า “จากช่วงแรกของเรื่องราวที่นัมโดซานยังขาดอะไรบางอย่าง แต่ระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไป เขาก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น ผมมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับนัมโดซาน เราอายุเท่ากัน ซึ่งทำให้ผมรู้สึกแบบเดียวกับเขา มันทำให้ผมนึกถึงอดีตและคิดเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองที่กำลังมองหาความสำเร็จในชีวิต ผมต้องการที่จะเติบโตและได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมๆ กับตัวละครครับ”
อ่านต่อ ‘บทเรียนแด่หนุ่มสาว’ จากซีรีส์ Start-Up เมื่อชีวิตคือการเรียนรู้ไม่มีวันจบ
อีกไม่นานเกินรอ นัมจูฮยอกเตรียมจะมีผลงานมาเสิร์ฟให้ผู้ชมได้ติดตามกันอีกในปีหน้า นั่นคือ Here ซีรีส์เกาหลีที่เกี่ยวกับชีวิตของคนที่ทำงานภายในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ผลงานการเขียนบทของ โนฮีกยอง (It’s Okay, That’s Love) ร่วมด้วยนักแสดงชั้นนำของวงการอย่าง อีบยองฮอน, ฮันจีมิน และชินมินอา
ส่วนอีกหนึ่งเรื่องคือผลงานภาพยนตร์ที่จะเป็นการกลับมารับบทนำคู่กันอีกครั้งของนัมจูฮยอกและฮันจีมิน กับเรื่อง Josee ที่เตรียมเข้าฉายในประเทศเกาหลีใต้วันที่ 10 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นการรีเมกภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติญี่ปุ่นที่คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที โดยเป็นเรื่องราวของ โจเซ หญิงสาวพิการที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ค่อยได้ออกไปพบเจอผู้คน กระทั่งในวันหนึ่งที่ ยองซอก นักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีได้ก้าวเข้ามา โลกใบเล็กๆ ของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ตัวอย่างภาพยนตร์ Josee
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
