ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศในช่วงต้นปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนและความต้องการสินค้าจากประเทศจีนมีสัญญาณดีขึ้น
โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยในปี 2566 สูงถึง 5.3 ล้านคน โดยครึ่งปีแรกกำลังซื้อยังเป็นไปอย่างจำกัด และจะเริ่มดีขึ้นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีน ซึ่งจะทยอยหดตัวน้อยลงในครึ่งแรกของปี ก่อนจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนขยายตัว 0.2% ในปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘กรุงไทย’ เปิด 4 ปัจจัยหนุนท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว คาดต้องใช้เวลาถึงปลายปี 2567 จึงจะกลับสู่ระดับก่อนโควิด
- รมว.ท่องเที่ยว ซาอุดีอาระเบีย หวังจีนเลิกคุมเข้มโควิด และเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง
- คลัง ‘หั่น’ คาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เหลือ 3.4% เหตุการณ์ลงทุนภาคเอกชนจ่อทรุด พิษต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น ยังหวังท่องเที่ยวดึง GDP ปีหน้าโต 3.8%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นหลังจีนทยอยเปิดเมืองในช่วงกลางปี 2565 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของจีนนับแต่ต้นปี 2566 ทำให้เศรษฐกิจจีนมีทิศทางฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากแรงส่งของภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งภาพรวมการฟื้นตัวยังไม่เต็มที่ เนื่องจากรายได้ที่แท้จริงของชาวจีนยังไม่เข้มแข็ง
อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจจีนมาอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นค่อนข้างเร็วนับแต่เดือนมกราคม 2566 เช่นกัน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัย สะท้อนจากมูลค่าการลงทุนในภาคอสังหาและการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะจากตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
จึงคาดว่าปี 2566 กิจกรรมภาคอสังหาในจีนจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ โดยจะยังหดตัวในครึ่งแรกของปี 2566 ก่อนจะกลับมาขยายตัวได้ในครึ่งปีหลัง และจะกลับเข้าสู่ระดับปกติได้ในปี 2567
การเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นดังกล่าวของเศรษฐกิจจีนถือเป็นข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจโลกโดยรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนในระดับสูง ก็ย่อมได้รับผลดีทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการฟื้นตัวพร้อมๆ กันของคู่ค้าสำคัญของไทยในอาเซียน ก็เป็นผลดีทางอ้อมที่จะช่วยเสริมโมเมนตัมต่อภาคการผลิตและการส่งออกสินค้าของไทย
ด้านภาคการท่องเที่ยว ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด (ปี 2560-2562) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 9 แสนคน หรือทั้งปีอยู่ที่ราว 10 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าทั้งหมด สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยเฉลี่ยเดือนละ 4.4 หมื่นล้านบาท หรือราว 5.28 แสนล้านบาทต่อปี คิดเป็น 29% ของรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยทั้งหมด
แม้ในช่วงหลังวิกฤตโควิด ไทยก็ยังคงเป็นเป้าหมายท่องเที่ยวหลักของชาวจีน สะท้อนได้จาก 3 อันดับแรกของประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คือ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และไทย ตามลำดับ
ล่าสุดใน 2 เดือนแรกของปี 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยราว 247,000 คน จาก 8,000 คน ในระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 และดีขึ้นจาก 127,000 คนในไตรมาส 4/65
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจีนเพิ่งอยู่ในระยะแรกของการเปิดประเทศและสิ้นสุดนโยบาย Zero-COVID ทำให้กำลังซื้อและยอดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของชาวจีนยังไม่กลับสู่ระดับปกติ
โดยข้อมูลยอดการใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวจีนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ยังอยู่ที่ราว 80% ของยอดใช้จ่ายช่วงก่อนการเกิดวิกฤตโควิด
ด้วยปัจจัยข้างต้น ttb analytics จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวไทยทั้งปี 2566 อยู่ที่ 5.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นเร็วจากปีก่อนซึ่งมีอยู่เพียง 2 แสนคน และคาดว่าจะสร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยวให้ไทยในปีนี้ประมาณ 4.46 แสนล้านบาท
สำหรับด้านการส่งออกสินค้าของไทย จีนถือเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 2 ของไทย รองจากตลาดสหรัฐฯ โดยในช่วงปี 2564-2565 ยอดการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีนเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 35,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12% ของมูลค่าส่งออกสินค้าของไทยทั้งหมด) เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยปีละ 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงก่อนวิกฤตโควิด
สำหรับประเภทสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนมากที่สุด 4 อันดับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้ (ผลไม้สดแห้ง แช่เย็น และแช่แข็ง) และเม็ดพลาสติก
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุด ปริมาณการนำเข้าสินค้าของประเทศจีนจากทั่วโลกที่เริ่มกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ยอดนำเข้าสินค้าของจีนจากทั่วโลกกลับมาเป็นบวกที่ 5.6% โดยเฉพาะการนำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีทางอ้อมให้การผลิตและการส่งออกสินค้าไทยฟื้นตัวได้เข้มแข็งขึ้น สอดคล้องกับการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น สะท้อนความต้องการสินค้าภายในประเทศจีนที่กำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง
การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นของจีนจะมาทั้งจากภาคธุรกิจที่นำไปผลิตสินค้าเพื่อส่งออกตามผลสำรวจภาวะภาคการผลิต (NBS) โดยภาวะคำสั่งซื้อสำหรับส่งออกและการสะสมสินค้าคงคลังของจีนเริ่มกลับมาขยายตัว และความต้องการสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคจากครัวเรือนจีนที่ฟื้นตัวต่อเนื่องเช่นกัน สะท้อนได้จากยอดค้าปลีกในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมของปี 2566 ที่กลับมาขยายตัว 3.5 และ 10.6% ตามลำดับ
จากปัจจัยข้างต้น ttb analytics มองว่า ความต้องการสินค้าของไทยจากประเทศจีนจะทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปนับแต่ต้นปี 2566 แม้ครึ่งปีแรกจะยังหดตัวอยู่ที่ 10.8% แต่จะพลิกกลับมาขยายตัวได้ที่ 12.9% ในครึ่งปีหลัง ทำให้ทั้งปี 2566 มูลค่าส่งออกไปจีนจะอยู่ในระดับทรงตัวจากปีก่อนซึ่งหดตัว 7.7%
ในด้านรายสินค้าที่ส่งออกไปจีน มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางจะขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัว 6% สำหรับมูลค่าการส่งออกมันสำปะหลังจะขยาย 4%
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าหมวดผลไม้และเม็ดพลาสติกมีทิศทางชะลอตัวจากผลของฐานราคาที่สูงในปีก่อน แต่ในแง่ปริมาณ มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังต้องใช้เวลา
โดยสรุป การเปิดประเทศของจีนในต้นปี 2566 ถือเป็นข่าวดีต่อความเชื่อมั่นทั่วโลก และช่วยส่งเสริมโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกท่ามกลางการชะลอตัวลงของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก (สหรัฐฯ ยุโรป และอังกฤษ)
แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคของจีน โดยเฉพาะรายได้ที่แท้จริงที่ยังไม่เข้มแข็งมากนัก จึงอาจต้องรอเวลาถึงครึ่งหลังของปี 2566 จึงจะได้เห็นผลที่ชัดเจนขึ้น ทั้งต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนและการส่งออกสินค้าของไทย