ล่าสุด สหรัฐฯ ตัดสินใจใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงชาวรัสเซียรวมทั้งหมด 19 คน ที่มีส่วนพัวพันกับการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการโจมตีทางไซเบอร์เมื่อปี 2016 โดยทำเนียบขาวระบุว่า นี่เป็นการดำเนินมาตรการต่อรัสเซียที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ
โดยหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (GRU) และหน่วยงานวิจัยด้านอินเทอร์เน็ตที่มีศูนย์ควบคุมอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็น 2 จาก 5 หน่วยงานที่ถูกจับตามองและติดแบล็กลิสต์ของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ซึ่งในบรรดาคนที่ถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้ มีนายเยฟจินี ปริโกซิน (Yevgeny Prigozhin) ผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘พ่อครัวของปูติน’ รวมถึงลูกทีมของเขาอีก 13 คน โดยพวกเขาทั้งหมดจะไม่สามารถเข้าถึงระบบบัญชีทรัพย์สินทางการเงินที่มีอยู่ภายในสหรัฐฯ ได้
ซาราห์ แซนเดอร์ส (Sarah Sanders) โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ ระบุว่า “มีบางสิ่งบางอย่างที่รัสเซียจะต้องตัดสินใจเองว่าพวกเขาจะเป็นตัวแสดงที่ดีหรือตัวแสดงที่แย่ จะเป็นมิตรหรือว่าศัตรู”
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย นายเซอร์เก รยาบคอฟ (Sergei Ryabkov) ระบุว่า รัฐบาลรัสเซียกำลังปรึกษาวิธีการที่จะโต้ตอบสหรัฐฯ ในประเด็นนี้ รวมถึงในกรณีของอังกฤษที่มีคำสั่งส่งคณะทูตรัสเซียทั้งหมด 23 คนกลับประเทศวานนี้ กรณีปมลอบสังหารสายลับสองหน้าพร้อมบุตรสาว ในย่านกลางเมืองอังกฤษ
ขณะที่นายเยฟจินีเผยว่า ตนไม่ได้สนใจที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ อยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีบัญชีทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศนั้น “ผมเคยโดนคว่ำบาตรมา 3-4 ครั้งแล้วมั้ง ผมขี้เกียจนับ ผมจำไม่ได้ และผมเองก็ไม่ได้มีธุรกิจที่อยู่ในสหรัฐฯ หรือต้องข้องแวะกับคนอเมริกัน ผมไม่ได้กังวลตรงนี้เลย ยกเว้นแต่ว่าคุณจะมีคำสั่งให้ผมเลิกเข้าร้านแมคโดนัลด์ในตอนนี้ ผมอาจจะรู้สึกเดือดร้อนก็ได้”
Photo: AFP
อ้างอิง:
